หลังจากรอบแชมเปี้ยนชิปที่น่าตื่นเต้นในภูมิภาคยุโรป/ตะวันออกกลาง/แอฟริกา (EMEA) กับอเมริกาเหนือกลางใต้ ก็ถึงเวลาของการแข่งขันกลุ่มที่ 3 และกลุ่มสุดท้าย ภูมิภาคเอเชีย-โอเชียเนีย หลายคนได้คาดการณ์ไว้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่มีการแข่งขันหนักหน่วงที่สุด เพราะว่าทั้ง 16 ผู้เล่นในสนามมีโอกาสที่จะได้ล้มแชมป์ "World Tour 2020 – ซิดนีย์" Takuma Miyazono จากประเทศญี่ปุ่น และผ่านเข้าไปยังรอบ World Finals 2020 ได้กันทั้งนั้น และเช่นเดียวกับการแข่งขันภูมิภาค EMEA กับ อเมริกาเหนือกลางใต้ ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะเข้าร่วมผ่านทางวิดีโอ โดยมีผู้เล่น 11 คนมาจากประเทศญี่ปุ่น อีก 3 คนจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Emily Jones ผู้เล่นสุภาพสตรีคนแรกในรายการแข่งขันภูมิภาค และมีผู้เล่นชาวนิวซีแลนด์อีก 1 คนกับฮ่องกงอีก 2 คน

สำหรับการแข่งขัน FIA GT Championships 2020 ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันเป็นภูมิภาค 3 ภูมิภาคซึ่งได้แก่อเมริกาเหนือกลางใต้ เอเชีย-โอเชียเนีย และ EMEA แต่ละภูมิภาคจะมีนักแข่งที่ได้อันดับดีที่สุด 12 คนจากภูมิภาคนั้น ๆ และจะมีผู้เล่นอีก 4 คนเพิ่มเติมที่จะได้ผ่านเข้ารอบทางสเตจพิเศษ รวมเป็นผู้แข่งขันทั้งหมด 16 คน โดยทั้งหมดจะได้แข่งขันกัน 3 การแข่งขัน ที่ลำดับการออกตัวของการแข่งขันทั้งหมดได้ตัดสินกันด้วยรอบคัดเลือกจับเวลา 10 นาที โดยจะให้แต้มแก่ผู้ที่ได้ 10 อันดับแรกจากแต่ละการแข่งขัน

และเนื่องจาก Takuma Miyazono คู่แข่งขันชาวญี่ปุ่นได้ผ่านเข้าไปยังรอบ World Finals เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นภูมิภาคเอเชีย-โอเชียเนียจะมีผู้เล่นผ่านเข้ารอบได้เพียงแค่ 3 คนเท่านั้น (หมายเหตุ: นักแข่ง 8 คนจากรอบสุดท้ายของภูมิภาค EMEA และ 4 คนจากอเมริกาเหนือกลางใต้ได้ผ่านเข้ารอบ World Final ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว) เพราะฉะนั้น ความร้อนแรงก็เริ่มตั้งแต่ออกตัวในเวลาที่นักแข่งลงมาประจำตำแหน่งเตรียมเริ่มการแข่งขันแรกของวัน

การแข่งขันที่ 1

ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ นี่ไม่ใช่งานง่ายสำหรับ Takuma Miyazono (Kerokkuma_ej20) จากประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว เพราะว่าสามารถขึ้นนำ Ryota Kokubun (Akagi_1942mi) เพื่อนร่วมชาติมาออกตัวเป็นลำดับแรกได้อย่างฉิวเฉียดในการแข่งขันที่ 1 ที่เร้ดบูล ริง โดยการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นการแข่งขันแบบ 9 รอบสนามใช้รถยนต์แรลลีกลุ่ม B รถยนต์ทุกคันจะใช้ยางเนื้อยางแข็งตลอดทั้งการแข่งขัน (และไม่มีการเปลี่ยนยางหรือการแวะเติมน้ำมันเชื้อเพลิง) ส่วน คนที่ออกตัวตามหลัง Peugeot RCZ ของ Kokubun กับ Honda NSX ของ Miyazono ก็คือ Cody Nikola Latkovski (Nik_Makozi) จากประเทศออสเตรเลียที่ขับ Peugeot RCZ และ Kanata Kawakami (SG_Kawakana) จากประเทศญี่ปุ่นที่ขับ Toyota 86 ส่วนขบวนออกตัวนั้นมีรถยนต์เพียง 15 คันเท่านั้นเพราะว่า Tomoaki Yamanaka หนึ่งในตัวเก็งจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีเวลาในรอบคัดเลือกจัดลำดับดีเป็นอันดับที่ 2 ไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันครั้งแรกได้เนื่องจากเกิดปัญหาด้านเทคนิค

หลังจากออกตัวกันแล้ว นักแข่งต่างก็ใช้ความระมัดระวังเพราะเห็นได้ชัดว่าทุกคนมีความกดดัน แต่ถึงกระนั้นทุกคนก็อยากจะทำให้ยางรถยนต์ของตนเองมีอุณหภูมิพอเหมาะก่อนที่จะกล้าทำอะไรเสี่ยง ๆ เมื่อเริ่มรอบสนามที่ 2 ก็ดูเหมือนว่าการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นการแข่งขันระหว่างรถยนต์ 2 คัน เนื่องจาก 2 คันแรกที่นำหน้าอยู่เริ่มทิ้งห่างขบวนออกไป และในช่วงกลางรอบสนาม ก็มีแอ็กชันเริ่มก่อตัวขึ้นที่ช่วงกลางขบวน เพราะระหว่างลำดับที่ 6 ถึงลำดับที่ 11 มีเวลาห่างกันเพียง 1 วินาทีเท่านั้น Emily Jones (emreeree) จากประเทศออสเตรเลียที่นำหน้าอยู่ใน Toyota 86 ได้แสดงให้เห็นว่าตนเองก็มีฝีมือไม่น้อยหน้าไปกว่าผู้แข่งขันที่เป็นผู้ชาย

ช่วงกลางการแข่งขัน Miyazono กับ Kokubun ก็นำหน้า Latkovski ที่ 3 อยู่ 1 วินาทีครึ่ง ซึ่ง Latkovski ก็ได้นำหน้า Kawakami ที่ 4 อยู่ 1 วินาทีครึ่งเช่นกัน และลำดับถัดจากนั้นก็คือ Matthew McEwen (AE_McEwen) ชาวนิวซีแลนด์ที่ขับ Nissan GT-R

เมื่อมาถึงรอบสนามที่ 6 McEwen ก็พยายามแซง Kawakami ตีคู่ขนาบข้างขึ้นมาผ่านเข้าโค้งที่ 5 แต่ว่านักแข่งสัญชาติญี่ปุ่นก็สามารถกันเอาไว้ได้ เป็นการปิดประตูไม่ให้นักแข่งชาวกีวี่หลุดเข้ามาได้ แต่ในขณะเดียวกันนั้น Jones ก็ปล่อยให้รถยนต์ 2 คันผ่านหน้าตนเองขึ้นไปได้ ทำให้ Shunsuke Imamura (DOJO_Racing_Shun) กับ Takuma Morita (hide250sp) คู่หูชาวญี่ปุ่นยึดลำดับที่ 6 กับลำดับที่ 7 ไปได้สำเร็จ เมื่อเริ่มต้นรอบสนามที่ 7 Kokubun ที่ตามชิดประกบติดกันชนหลังของ NSX ของ Miyazono มาโดยตลอด ก็เริ่มหาจังหวะแซง และ McEwen ก็ทำเช่นเดียวกันกับ Kawakami

เมื่อเริ่มต้นรอบสนามที่ 8 นี่คือจุดชี้เป็นชี้ตายของ Kokubun แล้ว เพราะว่าได้พยายามแซงในโค้งที่ 2 เบรกได้ดีกว่า Miyazono ในจุดของโค้งแฮร์พินและแซงลอดผ่านวงในเข้าไป แต่ว่า Miyazono ก็ไม่ยอมปล่อยให้การโดนแซงครั้งนี้ไม่โดนอะไร เพราะว่าขับ NSX มาเอาคืน RCZ ของ Kokubun และขึ้นนำได้อีกครั้งในโค้งถัดมา

รถยนต์ทั้ง 2 คันต่างตามที่กันไม่ปล่อยต้นไปถึงโค้งที่ 2 ของรอบสนามสุดท้าย และก็เป็นอีกครั้งที่ Kokubun ตีเข้าวงใน จนเหมือนกับเป็นการฉายภาพซ้ำ แต่ว่าคราวนี้ NSX ของ Miyazono ดริฟต์หลุดกว้างไปในโค้งที่ 3 ปล่อยให้ Kokubun ตีคู่ขึ้นมาได้ ทั้ง RCZ และ NSX ก็ตีคู่กันอยู่ตลอดในอีกไม่กี่โค้งถัดมา ไม่มีใครยอมใครแม้แต่นิ้วเดียว แต่ดูเหมือนว่า Kokubun อยากจะทำให้ดีกว่านี้ ด้วยการเบียดเข้าโค้งสุดท้ายของการแข่งขันขึ้นนำไปได้ การแสดงฝีมืออันยอดเยี่ยมได้ทำให้เขาชนะการแข่งขันครั้งที่ 1 เป็นการส่งสัญญาณไปหา Miyazono ว่า ให้ระวังตำแหน่งอดีตแชมป์ World Tour ไว้ให้ดี ส่วน Latkovski ที่มีผลงานดีเสมอต้นเสมอปลายก็เข้าเส้นชัยเป็นที่ 3 ตามมาด้วย McEwen กับ Kawakami ที่ 4 และที่ 5 ตามลำดับ

การแข่งขันที่ 2

การแข่งขันที่ 2 ของวันเป็นการแข่งขัน 7 รอบสนามในเมาท์ พาโนรามา มอเตอร์ เรซซิ่ง เซอร์กิตในรถแข่ง Gr.3 (และใช้งานยางเนื้อยางแข็งตลอดทั้งการแข่งขัน) และก็เช่นเดียวกับที่ได้อธิบายไปก่อนแล้ว ลำดับการออกตัวจะตัดสินผ่านทางการแข่งขันจับเวลาคัดลำดับ 10 นาที เพราะฉะนั้นนักแข่งทุกคนจะได้เริ่มแข่งกันใหม่อีกครั้ง ซึ่งรวมถึง Tomoaki Yamanaka จากประเทศญี่ปุ่นที่แก้ปัญหาทางเทคนิคของตนเองได้เรียบร้อย และทำเวลาออกตัวได้อยู่ในลำดับที่ 7 ส่วนหัวขบวนนั้นก็เป็นคนที่พวกเราคุ้นเคยซึ่งก็คือ Ryota Kokubun (ญี่ปุ่น) ที่ขับ Chevrolet Corvette อยู่ในลำดับออกตัวที่ 1 ตามมาด้วย Cody Nikola Latkovski (ออสเตรเลีย) ออกตัวอยู่ในลำดับที่ 2 ด้วย Volkswagen GTI VGT และ Takuma Miyazono (ญี่ปุ่น) ออกตัวอยู่ในลำดับที่ 3 ด้วย Aston Martin V12 Vantage

Kokubun ดูเหมือนว่าอยากจะทิ้งขบวนไว้เบื้องหลังตั้งแต่เริ่มออกตัวเลย เพราะว่าสามารถนำห่าง Latkovski ที่ 2 ได้ถึง 1 วินาทีตั้งแต่ช่วงกลางรอบสนามแรก นอกจากนั้น Shunsuke Imamura (ญี่ปุ่น) ก็ชาร์จเข้ามาอย่างหนักหน่วงด้วย Hyundai Genesis แซงผ่าน Dodger Viper SRT ของ Matthew McEwen (นิวซีแลนด์) ขึ้นไปอยู่ลำดับที่ 4 ได้สำเร็จ

เมื่อเริ่มต้นรอบสนามที่ 2 Miyazono ก็พุ่งผ่าน GTI VGT Latkovski ที่ช่วงทางตรงด้านหน้าแซงขึ้นไปอยู่ลำดับที่ 2 ได้ แน่นอนว่าแชมป์เก่าของเราต้องหาทางเอาคืนเพราะว่าได้จ้องไปที่ Corvette ของ Kokubun เมื่อมาถึงทางตรงที่รถยนต์สามารถทำความเร็วได้ถึง 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Latkovski ที่มีปัญหาในการควบคุม Volkswagen GTI VGT ของตนเองในช่วงทางขึ้นเขาโค้งเลี้ยวลดของสนาม เช่นเดียวกับ Imamura และ McEwen ก็เริ่มตามขึ้นมาติดปิดระยะห่างระหว่างตนเองกับนักแข่งชาวออสเตรเลียได้

เมื่อการแข่งขันมาถึงช่วงกลางทาง Kokubun ก็นำโด่ง ทิ้งระยะห่างระหว่างตนเองกับ Miyazono อยู่ที่ 1.6 วินาที โดย Miyazono ทิ้งระยะห่างระหว่างตนเองกับ Latkovski ลำดับที่ 3 อยู่ที่ 1.0 วินาที

เมื่อมาถึงรอบสนามที่ 4 Yamanaka ก็พา Lexus RC F แซง McEwen ขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 5 แต่ว่าก็ต้องเสียลำดับกลับไปอีกครั้งเพราะว่า Dodge Viper สามารถเอาคืนได้ในช่วงทางตรงด้านหลัง และการต่อสู้ในครั้งนี้ก็ได้ทำให้ Volkswagen Beetle ของ Shogo Yoshida (ญี่ปุ่น) กับ Jaguar F-Type ของ Kanata Kawakami เพื่อนร่วมชาติสามารถตามติดขึ้นมาได้ ทำให้เกิดการชิงลำดับที่ 5 กันแบบ 4 คัน
เนื่องจากว่ามีนักแข่งเพียง 3 คนเท่านั้น (ไม่นับ Miyazono) ที่จะสามารถผ่านเข้าไปยังรอบ World Finals ได้ เพราะฉะนั้นทุกตำแหน่งทุกคะแนนมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด และก็เห็นได้ชัดว่านักแข่งทุกคนรู้ดีว่ากำลังลุยกับอะไรอยู่

เมื่อมาถึงรอบสนามที่ 6 Imamura พยายามอย่างเต็มที่ที่จะกดดัน Latkovski ให้ขับพลาดด้วยการเอา Genesis ไปจิ้มกันชนหลังของ Volkswagen แต่ว่านักแข่งชาวออสเตรเลียก็สามารถรักษาตนเองให้รอดพ้นจากแรงกดดันได้ ขับอยู่ในเส้น ไม่ยอมปล่อยให้นักแข่งชาวญี่ปุ่นใช้ประโยชน์อะไรได้ เมื่อมาถึงรอบสนามสุดท้าย Imamura ก็ได้จัดหนักจัดเต็ม สามารถขึ้นนำ Latkovski ในช่วงทางตรงได้ แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้นเพราะว่า Hyundai Genesis ของตนเองมีความเร็วสูงเกินไปตอนที่กำลังเข้าโค้งถัดไป และหลุดออกจากทางวิ่ง แต่ว่าโชคยังดีที่ Imamura สามารถกลับลงมาบนทางวิ่งได้อย่างเร็วโดยไม่เสียลำดับของตนเองไป แต่ว่าความหวังที่จะเข้าเส้นชัยเป็นที่ 3 นั้นก็ได้มลายหายไปแล้ว

เมื่อธงหมากรุกโบกสะบัด Kokubun ก็คือผู้ที่เข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่ง แสดงให้เห็นถึงฝีมือการขับขี่อันยอดเยี่ยม นำหน้า Miyazono ที่ 2 ตลอดทั้งการแข่งขัน ส่วนที่ 3 เป็น Latkovski และตามมาด้วย Imamura ที่ 4

รอบชิงชนะเลิศ

ถึงแม้ว่า Ryota Kokubun จะผ่านเข้ามาในรอบชิงชนะเลิศด้วยคะแนนแบบเต็มพิกัดถึง 24 แต้มก็ตาม แต่ก็เช่นเดียวกันกับที่เราได้เห็นในการแข่งชิงแชมป์ภูมิภาคที่ดำเนินไปแล้ว ไม่ว่าจะนำห่างแค่ไหนก็ไม่ปลอดภัย เพราะว่าการแข่งขันสุดท้ายของวันนั้นจะให้แต้ม 2 เท่า คนที่ออกตัวเป็นลำดับแรกในการแข่งขันที่สำคัญที่สุด 27 รอบสนามในสนามฟูจิ อินเตอร์เนชันแนล สปีดเวย์ก็คือ Ryota Kokubun จากประเทศญี่ปุ่น ตามมาด้วยเพื่อนร่วมชาติอีก 3 คนก็คือ Takuma Miyazono, Tomoaki Yamanaka และ Shogo Yoshida ตามลำดับ และนี่คือการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ เพราะฉะนั้นรถที่ใช้แข่งขันกันก็คือ Red Bull X2019 Competition ที่มีสมรรถนะเต็มเปี่ยม แต่ว่าการแข่งขันครั้งนี้จะไม่เหมือนการแข่งขัน 2 ครั้งแรกของวันที่แข่งไปแล้ว กล่าวคือมีการกำหนดให้นักแข่งต้องลงสนามด้วยยางเนื้อยางอ่อน ปานกลาง และแข็งอย่างน้อยชุดละ 1 รอบสนาม รวมทั้งยังจำเป็นจะต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิง นั่นก็หมายความว่าแผนการเข้าพิตจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อผลการแข่งขัน

ก่อนที่จะออกตัวแบบโรลลิ่ง Kokubun ก็ได้ทำให้ผู้คนสงสัยเพราะเลือกที่จะลงสนามด้วยยางเนื้อยางปานกลาง ในขณะที่ Miyazono, Yamanaka และ Yoshida เลือกที่จะลงด้วยยางเนื้อยางอ่อน และเมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น Miyazono กับ Yamanaka ก็เข้าโจมตี Kokubun ทันที ทำให้เป็นการวิ่งหน้ากระดานเรียง 3 เข้าตั้งแต่โค้งแรก Yamanaka หลุดออกจากโค้งแรกเป็นคนแรก ตามมาด้วย Kokubun และ Miyazono และเนื่องจากว่า Yamanaka พลาดไม่ได้ลงแข่งในการแข่งขันครั้งแรก และเก็บได้เพียง 6 แต้มในการแข่งขันครั้งที่ 2 Yamanaka จึงจำเป็นจะต้องเข้าเส้นชัยให้ได้ดี จึงจะมีโอกาสผ่านเข้าไปในรอบ World Finals ทำให้เขาลงแข่งขันด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี และมันก็แสดงให้เห็นออกมา ตัวในขณะเดียวกันนั้น Cody Nikola Latkovski จากประเทศออสเตรเลีย กับ Matthew McEwen จากประเทศนิวซีแลนด์ก็ตามประชิด Yoshida หาทางที่จะแทรกเข้าไปใน 4 อันดับแรกที่มีแต่ชาวญี่ปุ่นให้ได้ เมื่อเริ่มรอบสนามที่ 2 Miyazono ก็แซง Kokubun ขึ้นไปอยู่ลำดับที่ 2 ส่วนครึ่งขบวนหลัง ส่วนคนที่ออกตัวด้วยยางเนื้อยางแข็งของ Michelins ก็เข้าพิต เพราะว่าทำตามข้อกำหนดใช้ยางที่ช้าที่สุดเรียบร้อยแล้ว ทำให้รถยนต์ 9 อันดับแรก มีเพียง Kokubun กับ Latkovski 2 คันเท่านั้นที่ยังใช้ยางเนื้อยางปานกลางอยู่ โดยที่เหลือเปลี่ยนไปใช้ยางเนื้อยางอ่อนหมดแล้ว

ในรอบสนามที่ 4 Kokubun ที่กำลังถูกรั้งไว้ด้วยยางที่ช้ากว่า ปล่อยให้ Yoshida แซงขึ้นไปได้ และจากนั้น McEwen ก็แซงผ่านนักแข่งชาวญี่ปุ่นผู้มีคะแนนสูงสุดด้วยความเร็ว 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ช่วงทางตรงด้านหน้าขึ้นไปอยู่ลำดับที่ 4 ส่วน Latkovski ที่หล่นลงมาอยู่ลำดับที่ 7 ก็รู้สึกว่ายางเนื้อยางปานกลางใช้งานไม่ได้อีกต่อไปแล้ว และวิ่งเข้าพิตเปลี่ยนไปใช้ยางเนื้อยางอ่อน กลับลงสนามมาอยู่ในลำดับที่ 9 เมื่อผ่านไปอีก 2 รอบสนาม Emily Jones ที่ใช้ยางเนื้อยางอ่อนของ Michelins ก็สามารถแซงขึ้นหน้า Kokubun ขึ้นไปอยู่ในลำดับที่ 6 สำเร็จ

ในรอบสนามที่ 6 Kokubun ก็เข้าพิต แต่ว่าทุกคนต้องประหลาดใจเพราะว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนไปใช้ยางเนื้อยางอ่อน เพราะเลือกที่จะใช้ยางเนื้อยางแข็ง แสดงให้เห็นว่าได้วางแผนที่จะวิ่งอีก 20 รอบสนามด้วยยางเนื้อยางอ่อน แน่นอนว่านี่เป็นแผนการที่กล้าหาญมาก แต่ว่าจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ยังไม่มีใครรู้? เขากลับลงสนามมาอยู่ในลำดับที่ 9 ตามหลัง Latkovski อยู่เพียงนิดเดียว ที่กำลังถูก Calvin Tong นักแข่งชาวฮ่องกงปิดทางอยู่

Miyazono ที่อยู่ในลำดับที่ 2 ก็ได้เข้าพิตเป็นครั้งแรกในรอบสนามที่ 9 เปลี่ยนไปใช้ยางเนื้อยางอ่อนอีกครั้ง เก็บยางที่ทำความเร็วได้ช้ากว่าไว้ใช้งานทีหลัง กลับมาลงสนามอยู่ในลำดับที่ 4 ตามหลัง McEwen กับ Yoshida อีก 1 รอบสนามถัดมา Yamanaka ที่นำหัวแถวก็เข้าพิต และก็ใช้ยางเนื้อยางอ่อนเช่นกัน แต่ว่าไม่สามารถกลับมาลงสนามมาอยู่ข้างหน้า Miyazono ได้ และ McEwen เองก็เข้าพิตเช่นกัน ทำให้เกิดการแข่งขันกันตัวต่อตัวระหว่าง Miyazono กับ Yamanaka หลังจากมีการแลกเปลี่ยนลำดับกันอย่างรวดเร็ว McEwen ที่ตอนนี้ใช้งานยางเนื้อยางแข็ง ก็อยู่ในลำดับที่ 4 ส่วน Latkovski ก็พยายามดิ้นรนเพื่อขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 5 เมื่อมาถึงครึ่งทางของการแข่งขัน ก็มีลำดับของการวิ่งดังนี้ Miyazono, Yamanaka, Yoshida, McEwen และ Latkovski

จากนั้น McEwen ก็เกิดวิกฤตเพราะว่าโดนลงโทษ 2.0 วินาทีเมื่อจบรอบสนามที่ 13 เนื่องจากไม่วิ่งตามเส้นของเลนพิต ทำให้หล่นไป 1 ลำดับตกไปอยู่ลำดับที่ 8 และในขณะที่เขากำลังถูกทำโทษอยู่นั้น Emily Jones ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถอันบ้าคลั่ง ด้วยการไล่ล่า Latkovski เพื่อนร่วมชาติหาทางยึดลำดับที่ 4 มาเป็นของตนเองให้ได้ ในขณะเดียวกัน Miyazono กับ Yamanaka คู่หูนักวิ่งชาวญี่ปุ่นก็ทิ้งห่าง Yoshida ที่ 3 ออกไปเกือบ 4.0 วินาที

ในรอบสนาม 16 ความหวังที่จะเป็นแชมป์ของ Latkovski ก็พังทลาย เพราะว่าโดนลงโทษ 2 ครั้งจากการไม่วิ่งตามเส้นของเลนพิต สิ่งที่เขาทำได้ในขณะนี้ก็คือขับรถให้หมดจดที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสวดมนต์อ้อนวอนภาวนาว่ามีแต้มเพียงพอให้ผ่านเข้ารอบ World Finals ไปได้

Miyazono ตัดสินใจว่าถึงเวลาใช้งานยางเนื้อยางแข็งของ Michelins ในรอบสนามที่ 19 และก็ทำให้ Yamanaka นำหน้าขึ้นไปได้ ถ้าหากว่า Yamanaka สามารถรั้งลำดับของตนเองที่นำหน้าขบวนอยู่ได้ เขาก็จะผ่านเข้าไปยังรอบ World Finals โดยยังมีแต้มเหลืออยู่ แต่ว่าการแข่งขันยังไม่จบลง ในรอบสนามถัดมา Yamanaka ก็เข้าพิต เปลี่ยนไปใช้ยางเนื้อยางปานกลาง ส่วน Miyazono ก็เข้าพิตเปลี่ยนไปใช้อย่างเนื้อย่างปานกลางเช่นกัน โดยมุ่งหวังที่จะขับระยะทางที่เหลือในสนามทั้งหมดด้วยยางชุดนี้

เมื่อถึงรอบสนามที่ 21 Emily Jones ก็สามารถขึ้นนำหัวขบวนอยู่ได้ชั่วครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าเธอยังจำเป็นจะต้องเข้าพิตก็ตาม แต่การที่เธอสามารถอยู่ในลำดับที่ 1 ได้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสุภาพสตรีทุกท่านมีฝีมือไม่แพ้ผู้ชายใน FIA GT Championships เลยทีเดียว แต่ว่าโชคไม่ดีเท่าไหร่ การลงโทษของ Jones ได้ทำให้ Yoshida ขึ้นนำในอีก 2 รอบสนามต่อมา และ Latkovski ก็แซงขึ้นไปอยู่ในลำดับที่ 6 และมีความสำคัญต่อ Latkovski มาก เพราะว่าการเข้าเส้นชัยเป็นที่ 6 จะทำให้เขาสามารถผ่านเข้ารอบ World Finals ไปได้

หลังจากที่ Yamanaka กับ Yoshida หัวขบวน 2 คันเข้าพิตเป็นครั้งสุดท้ายเปลี่ยนยางและเติมน้ำมันเชื้อเพลิง ก็กลับลงมาในสนามอยู่ข้างหลัง Miyazono แต่ว่าทันใดนั้นเอง Kokubun ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ ตัดหน้า Yoshida ในช่วงทางตรงยึดลำดับที่ 3 ไปได้ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ก็ไม่มีใครสามารถตาม Miyazono ทันในการแข่งขันครั้งนี้ เพราะว่าเขาเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการขับขี่และแผนการเข้า
พิตอันน่าอัศจรรย์ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่จำเป็นจะต้องทำคะแนนแม้แต่แต้มเดียวเพื่อเข้ารอบ World Finals แต่สุดท้ายก็ได้ตำแหน่งแชมป์ภูมิภาคไปครอง แสดงให้เห็นว่านักแข่งที่แท้จริงนั้นไม่เคยหยุดพัก ส่วน Yamanaka ก็ได้พุ่งเข้าเส้นชัยเป็นที่ 2 ผ่านเข้ารอบไปราวกับปาฏิหาริย์พร้อมกับคะแนน 20 แต้ม จากการลงแข่งขันเพียงแค่ 2 ใน 3 ครั้งเท่านั้น ส่วนที่ 3 เป็นของ Kokubun ทำให้โพเดียมมีแต่ชาวญี่ปุ่น ส่วน Latkovski ที่เข้าเส้นชัยอย่างน่าผิดหวังเป็นที่ 6 นั้น ก็โชคยังดีที่สามารถผ่านเข้าไปยังรอบ World Finals ได้ด้วยคะแนนรวม 20 แต้ม

Miyazono ได้กล่าวหลังจากจบการแข่งขันว่า: “พูดตามความจริงเลยนะครับ ผมไม่คิดว่าวันนี้ผมจะชนะได้เสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกโล่งใจมากที่มันจบเสียที ถึงแม้ว่าผมจะได้ผ่านเข้ารอบ World Finals ไปโดยอัตโนมัติแล้วก็ตาม แต่ผมรู้สึกว่าถ้าผมจะเข้าร่วมการแข่งขันในระดับภูมิภาค ผมจำเป็นต้องชนะครับ ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี แต่เพราะว่าจำนวนแต้มที่ได้เก็บเข้าไปในรอบ World Finals ก็มีความหมายเช่นกัน”

ผลการแข่งขันรายการแข่งขันประจำปี 2020 Nations Cup - ภูมิภาครอบสุดท้าย (เอเชีย-โอเชียเนีย)