กลับสู่รายการ

NATIONS CUP
การแข่งขันภูมิภาครอบสุดท้ายที่เชือดเฉือนกันแบบปลายจมูก ที่ Adriano Carrazza คว้าชัยเป็นแชมป์ภูมิภาคสำเร็จ
รายการแข่งขันประจำปี 2020 Nations Cup - ภูมิภาครอบสุดท้าย (อเมริกาเหนือกลางใต้)
30/11/2020

ถึงแม้ว่าจะเกิดความยากลำบากไปทั่วโลกเนื่องมาจากภาวะระบาดหนัก แต่การแข่งขันในโลกออนไลน์แบบเสมือนก็ยังดำเนินต่อไป เพราะว่า FIA Gran Turismo Championships ได้เริ่มแข่งขันกันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกับภูมิภาคยุโรป/ตะวันออกกลาง/แอฟริกา (EMEA) ถึงแม้ว่าผู้เข้าแข่งขันทุกคนเข้าร่วมจากที่พักของตนเอง แต่การแข่งขันก็ยังดุเดือดชนิดที่ว่าคาดการณ์ไม่ได้เลยทีเดียว และในท้ายที่สุดแล้ว Coque López จากประเทศสเปนตัวเก็งของรายการก็คว้าชัยเป็นแชมป์ EMEA ไปครองได้สำเร็จ แสดงให้เห็นถึงแผนการเข้าพิตระดับยอดเยี่ยมในรอบชิงชนะเลิศ ส่วนในสัปดาห์นี้ สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่ภูมิภาคอเมริกาเหนือกลางใต้ พร้อมกับการกลับมาใน Nations Cup ของ แชมป์เก่าปี 2018 ทำให้เกิดคำถามว่านักแข่ง Formula 3 ในชีวิตจริงผู้นี้จะสามารถครองสนามในโลกของกีฬายานยนต์ออนไลน์ได้หรือไม่

รูปแบบการแข่งขันของปี 2020 ก็ได้รับการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย โดยจะแบ่งโลกออกเป็น 3 ภูมิภาคหลัก ซึ่งก็คือ อเมริกาเหนือกลางใต้ เอเชีย-โอเชียเนีย และ EMEA (ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา) แต่ละภูมิภาคจะมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 16 คน เป็นนักแข่งที่ได้อันดับดีที่สุด 12 ท่านจากภูมิภาคนั้น ๆ และผู้เล่นอีก 4 คนเพิ่มเติมที่ได้ผ่านเข้ารอบทางสเตจพิเศษ และสำหรับในปีนี้ ภูมิภาคอเมริกาเหนือกลางใต้ก็มีนักแข่งที่เป็นตัวแทนของ 6 ประเทศ ซึ่งจะรวมถึงประเทศคอสตาริกาและกัวเตมาลา ที่ได้แข่งขันกันในการแข่งขัน 3 การแข่งขัน และผู้ที่ได้ 4 อันดับแรกจะผ่านเข้าไปยังรอบ World Finals (หมายเหตุ: นักแข่ง 8 คนจาก EMEA ได้ผ่านเข้าไปในรอบ World Finals แล้ว และอีก 4 คนจากภูมิภาคเอเชีย-โอเชียเนีย ซึ่งรวมถึง Takuma Miyazono จากประเทศญี่ปุ่นผู้ที่ผ่านเข้ารอบเนื่องจากเป็นผู้ชนะ "World Tour – ซิดนีย์" ที่แข่งขันไปในช่วงต้นปีนี้) ลำดับการออกตัวของการแข่งขันทั้งหมดได้ตัดสินกันด้วยรอบคัดเลือกจับเวลา 10 นาที โดยจะให้แต้มแก่ผู้ที่ได้ 10 อันดับแรกจากแต่ละการแข่งขัน

และเมื่อเราได้ลำดับการออกตัวของการแข่งขันที่ 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเริ่มการแข่งขัน

การแข่งขันที่ 1

การแข่งขันแรกของเราจัดขึ้นที่เมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล อันเป็นที่ตั้งของสนามออโต้โดรโม่ เดอ อินเตอร์ลากอสอันโด่งดัง โดยการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นการแข่งขันแบบ 7 รอบสนามใช้รถยนต์กลุ่ม 3 รถยนต์ทุกคันจะใช้ยางเนื้อยางแข็งตลอดทั้งการแข่งขัน (และไม่มีการเปลี่ยนยางหรือการแวะเติมน้ำมันเชื้อเพลิง) Nicolás Rubilar (FT_NicoR) จากประเทศชิลีได้แสดงให้เห็นว่าตนเองไม่รู้จักคำว่าพลาดด้วยการออกตัวเป็นลำดับที่ 1 ใน Hyundai Genesis โดยมี Andrew Brooks (PX-7-Deafsun) จากประเทศแคนาดาผู้ชนะรายการแข่งขันออนไลน์ภูมิภาคอเมริกาเหนือออกตัวมาเป็นลำดับที่ 2 ใน Dodge Viper SRT ส่วนคนที่มีเวลาในรอบคัดเลือกจับเวลาที่เร็วที่สุดอันดับ 3 ก็คือ Angel Inostroza (YASHEAT_Loyrot) แชมป์รายการแข่งขันออนไลน์ภูมิภาคอเมริกาใต้จากประเทศชิลีที่ขับ Porsche 911 RSR และ Lucas Bonelli (TGT_Bonelli) จากประเทศบราซิลออกตัวเป็นลำดับที่ 4 ใน Aston Martin V12 Vantage ส่วน Igor Fraga (IOF_RACING17) จากประเทศบราซิลดูเหมือนว่าจะโดนสนิมจับ เพราะว่าได้ออกตัวเป็นลำดับที่ 7 ใน Mazda Atenza (Mazda6)

เมื่อธงเขียวโบกสะบัด บรรดารถแข่งก็พุ่งทะยานออกผ่านเส้นออกตัวเป็นแถวเดียว เพราะว่านักแข่งจำเป็นจะต้องใช้ความระมัดระวังเมื่อต้องใช้ยางเนื้อยางแข็งที่ยังเย็นตัวอยู่ เมื่อมาถึงรอบสนามที่ 2 Inostroza ก็เริ่มกดดัน Brooks เพื่อยึดลำดับที่ 2 มาให้ได้ แต่ในขณะเดียวกัน Hyundai Genesis ของ Rubilar ก็เริ่มทิ้งห่างออกไป ในช่วงที่ Brooks พยายามจะป้องกันลำดับตัวเองเอาไว้ให้ได้อย่างเต็มที่นั้น ที่เหลือของขบวนก็ตามต่อขึ้นมาอยู่ข้างหลัง ทำให้ระหว่างลำดับที่ 2 ถึงลำดับที่ 7 มีเวลาห่างกันอยู่เพียงแค่ 1 วินาทีครึ่งเท่านั้น

Inostroza ที่ขับ Porsche 911 ทำความเร็วเกือบถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องแซงให้ได้ในช่วงทางตรงด้านหน้า เลยตีเข้าวงในของ Brooks ในโค้งที่ 1 และรถยนต์ทั้ง 2 คันก็สัมผัสกัน แต่ Brooks ก็ยังคงสามารถรักษาลำดับของตนเองไว้ได้ นอกจากนั้นในสนามก็ยังมีความพยายามที่จะแซงกันอยู่ แต่โดยส่วนมากไม่ประสบความสำเร็จ และก็เห็นกันได้ชัดเลยว่าอินเตอร์ลากอสเป็นหนึ่งในสนามที่ยากแก่การแซงเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าในไม่กี่รอบสนามต่อจากนั้น ลำดับการวิ่งโดยส่วนมากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นผลดีต่อ Rubilar จริง ๆ เพราะว่าได้นำห่างออกไปถึง 2.0 วินาที และก็ห่างออกไปเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อถึงครึ่งทางของการแข่งขัน 7 ลำดับแรกก็เป็นของ Rubilar, Brooks, Inostroza, Bonelli, Randall Haywood (Lexus RC F) จากสหรัฐอเมริกา และ Adriano Carrazza (Volkswagen GTI VGT) จากประเทศบราซิล ตามลำดับ
แม้กระทั่งช่วงกลางขบวนก็ไม่มีการพยายามแซงกันอย่างจริงจัง เพราะว่า Tristan Bayless (สหรัฐอเมริกา), Fabian Portilla (ชิลี) และ Kevan Pounder (สหรัฐอเมริกา) ก็อยู่ในลำดับที่ 8, 9 และ 10 ตามลำดับ นำหน้าลำดับที่ 11 อยู่อย่างสบาย ๆ

เมื่อมาถึงรอบสนามสุดท้าย Lucas Bonelli ก็ได้ขับรถอย่างหาญกล้า พุ่งผ่าน Porsche 911 ของ Inostroza ขึ้นไปและไปจ่อ Dodge Viper ของ Brooks ทั้งนี้ก็เพราะว่าการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 2 จะให้ 10 แต้ม และนักแข่งชาวบราซิลของเราก็แสดงให้เห็นแล้วว่าต้องการจะคว้ามาให้ได้ แต่ถึงกระนั้น ในขณะที่ Bonelli กำลังจับจ้องหาทางแซงนักแข่งชาวแคนาดาไปให้ได้ Inostroza ก็ย่องมาข้างหลังและยึดลำดับที่ 3 ไปได้ที่โค้งแฟร์ราดูร่า (โค้งที่ 6) และสิ่งนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อความเร็วของ Bonelli เพราะว่าหล่นลงมาจากลำดับที่ 3 ไปอยู่ลำดับที่ 6 ในช่วงระยะทางเพียงแค่ 2 โค้งเท่านั้น

สุดท้ายแล้ว ก็คือ Rubilar แชมป์ World Tour ปี 2019 ที่พุ่งผ่านเข้าเส้นชัยได้เป็นอันดับแรก เก็บ 12 แต้มของผู้ชนะการแข่งขันไปได้สำเร็จ ส่วน Brooks ที่สามารถยันเอาไว้ได้ตลอดทั้งการแข่งขัน ก็เข้าเส้นชัยเป็นที่ 2 ไปอย่างสมศักดิ์ศรี ตามมาด้วย Inostroza, Carrazza และ Haywood และความหงุดหงิดที่นักแข่งหลายคนได้รับในการแข่งขันที่ 1 ก็คือสิ่งรับประกันว่าการแข่งขันครั้งถัดไป จะเต็มไปด้วยความดุดันและการปล่องพลังแบบเต็มเหนี่ยว

อันดับ นักแข่ง เวลา
1 Nicolás Rubilar FT_NicoR 10:47.234
2 Andrew Brooks PX7-Deafsun +03.555
3 Angel Inostroza YASHEAT_Loyrot +03.613
4 Adriano Carrazza KoA_Didico15 +04.590
5 Randall Haywood TX3_Originals +05.050
6 Lucas Bonelli TGT_BONELLI +05.130
7 Igor Fraga IOF_RACING17 +05.477
8 Tristan Bayless roadbeef +06.726
9 Fabián Portilla PerrolocoMcQ +08.002
10 Kevan Pounder PX7-Windfire +09.374
11 Daniel Solis Px7-Lamb +11.203
12 Juan Hernandez JUNCOS_Kangreti +11.518
13 Robert Heck VSR_Robert +12.532
14 Bernal Valverde Infinity_BernalV +12.535
15 Nick McMillen GumballCGT +13.402
16 Mark Pinnell Turismo-lester +13.501

การแข่งขันที่ 2

สถานที่สำหรับการจัดการแข่งขันที่ 2 ก็คือ WeatherTech Raceway ลากูน่า เซค่า ที่อยู่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยนักแข่งจะต้องขับรถแรลลี่กลุ่ม B และมีช่วงจับเวลาคัดเลือก 10 นาทีเพื่อตัดสินลำดับการออกตัว ซึ่ง Lucas Bonelli จากประเทศบราซิล ได้ขับยังดุเดือด เข้าโจมตีสนามอย่างหนักหน่วงและยึดลำดับการออกตัวลำดับแรกไปครองได้สำเร็จ และข้อกำหนดให้ครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งที่ผ่านมา ก็คือนักแข่งทุกคนจะต้องใช้ยางเนื้อยางแข็งทั้ง 10 รอบสนาม ซึ่งก็หมายความว่าจะไม่มีการเข้าพิตเลย

การออกตัวแบบโรลลิ่งก็เผยให้เห็นเลยว่าการแข่งขันครั้งนี้จะแตกต่างจากครั้งที่แล้ว ในรอบสนามแรก Adriano Carrazza (บราซิล) มุดเข้าไปวงในของรถแรลลี่ Peugeot RCZ ของ Andrew Brooks ชาวแคนาดาอย่างกล้าหาญในช่วงโค้งแฮร์พินของโค้งที่ 2 ซึ่งแซงขึ้นไปอยู่ในลำดับที่ 3 ได้ เมื่อมาถึงรอบสนามที่ 2 นักแข่ง 5 ลำดับแรกก็นำห่างทั้งขบวนออกไป 1.6 วินาที เมื่อรถแต่ละคันเข้าถึงรอบสนามที่ 3 ก็มีการพยายามแซงให้เห็นเพิ่มขึ้น โดย Brooks ยึดลำดับที่ 3 กลับมาได้ในโค้งแฮร์พินเดียวกันที่ตนเองเสียลำดับไป ส่วน Nicolás Rubilar ก็พยายามที่จะแซงให้ได้ แต่ว่า Carrazza ก็ปิดช่องเสียจนไม่เหลือ และเมื่อขบวนไปถึงช่วงทางตรงด้านหลังที่ทำความเร็วได้ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก่อนที่จะเข้าโค้งคอร์กสกูร์อันโด่งดัง ด้าน Bonelli ที่นำอยู่ในลำดับที่ 1 กับรถแรลลี่ Honda NSX และ Angel Inostroza จากประเทศชิลีที่ขับรถแรลลี่ Peugeot RCZ ก็ยืดระยะการนำขึ้นไปทางเกิน 1 วินาทีครึ่งจากทั้งสนาม

เมื่อมาถึงกึ่งกลางของการแข่งขัน Bonelli, Inostroza, Brooks, Carrazza, และ Nicolás Rubilar (ชิลี) ก็ยึด 5 ลำดับแรกได้ตามลำดับ

เมื่อมาถึงรอบสนามที่ 6 Rubilar ก็พยายามที่จะเบียดผ่าน Carrazza เข้าโค้งคอร์กสกูร์เพื่อยึดลำดับที่ 3 มาให้ได้ และในขณะนั้นเอง Randall Haywood นักแข่งชาวสหรัฐอเมริกาก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ เลื้อยผ่าน Subaru WRX ของ Rubilar ยึดลำดับที่ 5 ไปได้ แต่ว่า Rubilar ก็ได้แสดงให้ทุกคนเห็นว่าตนเองคือผู้ท้าชิงมือหนึ่ง และยึดลำดับของตนเองกลับคืนมาได้ในครั้งถัดไป ในขณะเดียวกันนั้นรถแข่ง 3 ลำดับแรกคอร์ดทิ้งห่างขบวนออกไปถึง 4.0 วินาที ส่วนกลางขบวนระหว่างลำดับที่ 5 ถึงลำดับที่ 9 กลับมีระยะเวลาห่างกันอยู่แค่ 1.5 วินาทีเท่านั้น ซึ่งก็หมายความว่าการขับเคี่ยวส่วนมากจะเกิดกันที่กลางขบวน

ในอีกไม่กี่รอบสนามถัดมา Inostroza ก็ตาม NSX ของ Bonelli อยู่แบบติดหนึบ ไม่ยอมให้นำออกไปเกินได้มากกว่าครึ่งวินาทีตลอดทั้งสนาม จากนั้นในรอบสนามที่ 8 วินาทีตัดสินการแข่งขันก็ได้เกิดขึ้น Inostroza ขับอย่างดุดันเกินไปจนไปแตะกันชนหลังของ NSX ของ Bonelli ทำให้นักแข่งชาวบราซิลหลุดออกจากทางวิ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ Brooks แทรกตัวผ่านทั้ง 2 คันขึ้นไปนำอยู่ในลำดับที่ 1 ได้ นี่คือสถานการณ์ที่เป็นใจอย่างยิ่งต่อนักแข่งชาวแคนาดา ที่นั่งรออย่างใจเย็นอยู่ในลำดับที่ 3 รอให้หัวขบวน 2 คันพลาดจัดการกันเอง

Inostroza โดนลงโทษ 2 วินาทีจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโค้งที่ 6 แต่โชคยังดีสำหรับนักแข่งชาวชิลีคนนี้ เพราะว่าไม่ได้ทำให้ลำดับของตนเองเปลี่ยนแปลง ส่วน Rubilar ที่เป็นเพื่อนร่วมชาติกลับมีปัญหาสารพัด ติดอยู่ในขบวน และโดนรถคันอื่นกระแทกไปกระแทกมา จนทำให้หล่นลงไปอยู่ในลำดับที่ 9 อย่างน่าเสียดาย

เมื่อธงหมากรุกโบกสะบัด Andrew Brooks ก็คือผู้ที่เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก เก็บ 12 แต้มจากการแข่งขันไปได้ มุ่งหน้าเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยแต้มรวมทั้งหมด 22 คะแนน แต่ควรจะต้องกล่าวถึง Daniel Solis นักแข่งชาวสหรัฐอเมริกาที่ขับ Toyota 86 Gr.B กันเสียเล็กน้อย เพราะว่าสามารถแทรกตัวเองขึ้นมาอย่างเงียบเชียบจากลำดับที่ 8 จนเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 5 ได้

อันดับ นักแข่ง เวลา
1 Andrew Brooks PX7-Deafsun 14:23.830
2 Angel Inostroza YASHEAT_Loyrot +02.321
3 Lucas Bonelli TGT_BONELLI +03.990
4 Adriano Carrazza KoA_Didico15 +06.744
5 Daniel Solis Px7-Lamb +07.354
6 Randall Haywood TX3_Originals +08.411
7 Kevan Pounder PX7-Windfire +08.704
8 Nicolás Rubilar FT_NicoR +09.069
9 Juan Hernandez JUNCOS_Kangreti +09.236
10 Nick McMillen GumballCGT +11.891
11 Robert Heck VSR_Robert +15.317
12 Bernal Valverde Infinity_BernalV +15.542
13 Igor Fraga IOF_RACING17 +15.780
14 Tristan Bayless roadbeef +17.739
15 Fabián Portilla PerrolocoMcQ +17.834
16 Mark Pinnell Turismo-lester +21.001

รอบชิงชนะเลิศ

ในขณะที่ Andrew Brooks จากประเทศแคนาดาดูเหมือนว่ากำลังนำทุกคนอยู่ในรอบสุดท้ายนี้ ถึงกระนั้นทุกคนก็ยังสามารถคว้าแชมป์ไปครองได้ เพราะว่าในรอบชิงชนะเลิศจะเป็นการแข่งขันกันรอบสนามแข่งซาร์ดิเนีย - โร้ดแทร็ก - A จำนวน 25 รอบสนาม ที่จะให้แต้ม 2 เท่า หมายความว่านักแข่งคนที่ไม่สามารถเก็บแต้มได้เลยในการแข่งขัน 2 ครั้งแรก ก็ยังจะสามารถคว้าชัยไปครองได้ และนอกจากนั้นก็ยังกำหนดให้นักแข่งจะต้องใช้ยางเนื้อยางอ่อน ปานกลาง และแข็งเป็นระยะทางอย่างน้อย 1 รอบสนาม ก็เป็นไปได้ว่าจะวัดแชมป์กันจากแผนการการเข้าพิตที่ดีที่สุด ซึ่งสิ่งนี้ก็ได้แสดงให้เห็นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วในการแข่งขันภูมิภาคยุโรป/ตะวันออกกลาง/แอฟริกาของสัปดาห์ที่แล้ว

การแข่งขันก็เริ่มร้อนแรงขึ้นตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งกัน เพราะว่า Igor Fraga (บราซิล) แชมป์เก่าปี 2018 ที่เก็บแต้มได้เพียงสีแต้มเท่านั้นจากการแข่งขัน 2 ครั้งแรก สามารถนำตัวเองมาออกตัวได้อยู่ในลำดับที่ 4 เขาจะสามารถหักปากกาเซียนและเป็นม้ามืดคว้าชัยอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ FIA GT Championship ได้หรือไม่? และเพื่อเพิ่มความน่าฉงนยิ่งขึ้นไปอีก Adriano Carrazza เพื่อนร่วมชาติก็พิสูจน์ให้เห็นว่าตนเองนั้นเป็นคนที่เร็วที่สุดในรอบการคัดเลือกจับเวลา ยึดลำดับออกตัวลำดับแรกไปได้ ตามมาด้วย Angel Inostroza (ชิลี) กับ Brooks และนักแข่ง 3 ลำดับแรกก็เลือกที่จะเริ่มการแข่งขันด้วยยางเนื้อยางอ่อน ส่วน Fraga นั้นเลือกที่จะใช้เนื้ออย่างปานกลาง

เมื่อเริ่มการแข่งขัน Fraga ก็อยู่ใต้แรงกดดันทันที เพราะว่า Juan Hernandez จากกัวเตมาลา และ Nicolás Rubilar จากชิลี ที่ทั้งคู่ใช้ยางเนื้อยางอ่อน ต่างก็หาทางที่จะแซงผ่านขึ้นไปให้ได้ เมื่อมาถึงโค้งสุดท้ายของรอบสนามแรก Brooks ก็ได้พลาด ปล่อยให้ Fraga แซงขึ้นไปได้ ทำให้นักแข่งชาวบราซิลขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 3 เมื่อมาถึงรอบสนามที่ 2 Brooks ก็ตั้งมั่นว่าจะยึดลำดับที่ 3 กลับมาให้ได้ และก็เริ่มขับอย่างดุดัน จนไปแตะ Fraga ในโค้งที่ 4 ส่งนักแข่งชาวบราซิลหลุดออกนอกทางวิ่ง เหตุการณ์นี้ทำให้ Fraga หลุดลงมาอยู่ลำดับที่ 5 แต่อย่างไรก็ตามไม่กี่โค้งต่อจากนั้น Fraga ก็ออกนอกทางวิ่งไปอีกครั้งเพราะแรงกดดันจาก Bonelli กับ Rubilar กลายเป็นว่าทำให้ตนเองหลุดร่วงลงไปอยู่ลำดับที่ 10 อย่างน่าเสียดาย และในขณะนั้นเองหายนะเกิดขึ้นกับ Bonelli นักแข่งชาวบราซิลอีกคนหนึ่ง ที่รถหมุนและชนเข้ากับกำแพงก่อนที่จะถึงโค้งสุดท้ายของรอบสนามที่ 2 ทำให้ร่วงลงไปอยู่ลำดับที่ 11 นำหน้า Fraga อยู่ 1 ลำดับเพราะว่าเขาได้ร่วงลงไปอยู่อันดับที่ 12 แล้วนะขณะนี้

ในรอบสนามที่ 3 Hernandez ได้แซง Brooks ขึ้นไปอยู่ในลำดับที่ 3 ได้ และ Carrazza นักแข่งชาวบราซิลที่ไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นเลย ได้ทิ้งห่างออกไป 1.4 วินาที ในรอบสนามถัดมา Brooks ก็เฉือน Hernandez ขึ้นไปได้ในช่วงทางตรงด้านหลัง ยึดลำดับที่ 3 กลับมาได้อีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันนั้น Rubilar ผู้ที่ยังมีโอกาสเป็นแชมป์ได้อยู่ ก็ได้ไต่ลำดับขึ้นมาจากที่ 7 มาอยู่ที่ 5 การแข่งขันครั้งนี้มีเดิมพันสูงมาก นักแข่งทุกคนได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ เสี่ยงทุกอย่างเท่าที่ทำได้ รีดประสิทธิภาพของรถยนต์ของตนเองออกมาทุกหยด และการขับเคี่ยวช่วงกลางขบวนเองก็ชวนให้ตื่นตะลึงเลยทีเดียว

การเข้าพิตครั้งแรกเกิดขึ้นในรอบสนามที่ 7 เป็นเวลาที่กลางขบวนเริ่มเข้ามาเปลี่ยนยางและเติมน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนนักแข่งที่กำลังนำขบวนอยู่ก็เข้าพิตในรอบสนามต่อจากนั้น ซึ่งรวมถึง Hernandez กับ Inostroza ด้วย โดยหลังเปลี่ยนไปใช้ยาง Michelins เนื้อยางแข็ง และเปลี่ยนกลับไปใช้ยางเนื้อยางอ่อนในรอบสนามถัดไป ในรอบสนามที่ 9 Carrazza กับ Brooks ที่นำหัวขบวนอยู่ก็เข้าพิต ทั้งคู่เปลี่ยนไปใช้ยางเนื้อยางอ่อนอีกครั้งหนึ่ง และกลับลงมาในสนามอยู่ในลำดับที่ 1 กับที่ 2
เมื่อมาถึงช่วงกลางของการแข่งขัน Carrazza นำ Brooks อยู่ 2.0 วินาที ตามมาด้วย Hernandez กับ กับสามทหารเสือแห่งสหรัฐอเมริกา Robert Heck, Tristan Bayless และ Nick McMillen โดยหลังสุดเป็นอดีตแชมป์เก่าของ GT Academy ซึ่งถ้าหากว่าลำดับการวิ่งยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนถึงเข้าเส้นชัย Brooks ก็จะเอาชนะ Carrazza คว้าแชมป์ไปครองได้ แต่เผอิญว่ายังเหลือการวิ่งอยู่อีกหลายรอบ

เมื่อมาถึงรอบสนามที่ 12 Fraga ก็ได้แสดงให้เห็นถึงหัวใจของแชมป์เก่า เขารุดหน้าขึ้นมาอยู่ลำดับที่ 7 ได้ด้วยยางเนื้อยางอ่อน แต่ว่า Carrazza เพื่อนร่วมชาติต่างหากที่เป็นผู้ชี้ชะตาการแข่งขันในครั้งนี้ เพราะว่านำห่าง Brooks ออกไปเป็น 1.3 วินาที และเมื่อรถแข่งของ Red Bull ได้ทำความเร็วได้ถึง 300 กว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมงในช่วงทางตรง การต่อสู้กันระหว่างลำดับที่ 4, 5 และ 6 เริ่มก่อตัวขึ้น โดย Fraga, Heck และ Rubilar ได้สู้กันอย่างหนักหน่วง แตะกันไปแตะกันมาที่ความเร็ว 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอดทั้งช่วง 3 โค้งสุดท้ายของสนามแข่ง การแข่งขันนั้นเข้มข้นอย่างยิ่ง จนท่านผู้อ่านไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะมีการคอมเมนต์อย่างออกรสทั้ง 3 ภาษาในขณะที่ทั้ง 3 คนกำลังต่อสู้กันเพื่อชิงตำแหน่ง

ในรอบสนามที่ 15 ทั้ง Carrazza และ Brooks ก็เข้าพิต โดยนักแข่งชาวบราซิลเลือกที่จะใช้ยางเนื้อยางแข็ง ซึ่งจะเปลี่ยนออกในรอบสนามถัดไปเพื่อทำตามกฎที่จะต้องใช้ยางเนื้อยางปานกลางด้วย ส่วน Brooks เลือกที่จะใช้ยางเนื้อยางปานกลาง และเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถัง แต่ก็ยังจำเป็นจะต้องทำตามกฎที่ใช้ยางเนื้อยางแข็ง 1 รอบสนามด้วยเช่นกัน

เมื่อทุกคนกลับลงมาในสนามแล้ว Carrazza ก็อยู่ในลำดับที่ 6 ส่วน Brooks อยู่ในลำดับที่ 3 ตามหลัง Inostroza และ Hernandez ซึ่งทั้งคู่เข้าพิตตามหลังอยู่ 1 รอบสนาม ทำให้ Brooks สามารถขึ้นไปอยู่ในลำดับที่ 1 ได้ในรอบสนามที่ 18 เมื่อมาถึงจุดนี้ Brooks ได้นำ Carrazza อยู่ถึง 5.0 วินาที แปลว่าเขาเองก็ยังจำเป็นจะต้องเข้าพิต เพื่อเปลี่ยนไปใช้ยางเนื้อยางแข็งตามกำหนด ซึ่งหมายความว่าสิ่งที่ Carrazza ต้องกระทำนั้นก็คือ อย่าพลาดและรักษาความเร็วไว้ให้ได้ก็จะชนะการแข่งขันในครั้งนี้

เมื่อมาถึงรอบสนามสุดท้าย Brooks พุ่งเข้าไปยังพิต และจะต้องกลับออกมาอยู่ในลำดับที่ 2 ให้ได้เพื่อโอกาสคว้าชัยชนะเป็นแชมป์ภูมิภาค แต่ทว่า Inostroza ได้พุ่งขึ้นไปก่อนแล้ว ทำให้นักแข่งชาวแคนาดาตกลงไปอยู่ลำดับที่ 3 หลังจากนั้น Carrazza ก็สามารถยึดตำแหน่งนักแข่งที่มีคะแนนรวมสูงสุดไปได้ด้วยการเข้าเส้นชัย ชัยชนะในครั้งนี้ทำให้นักแข่งชาวบราซิลเป็นแชมป์ และเก็บแต้ม 8 แต้มอันมีค่า เดินหน้าเข้าสู่รอบ World Finals ได้สำเร็จ

ส่วน Inostroza ที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 2 ก็ผ่านเข้ารอบด้วยเช่นกัน และผ่านเข้ารอบไปพร้อมกับ Brooks ที่ 3 และ Bonelli ที่ 4 สิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งก็คือผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 3 อันดับแรกนั้น มีแต้มรวมเท่ากันอยู่ที่ 38 คะแนน โดย Carrazza เป็นผู้คว้าแชมป์ไปครองเพราะว่ามีอันดับที่สูงกว่าในรอบชิงชนะเลิศ

อันดับ นักแข่ง เวลา
1 Adriano Carrazza KoA_Didico15 36:09.532
2 Angel Inostroza YASHEAT_Loyrot +01.562
3 Andrew Brooks PX7-Deafsun +04.231
4 Lucas Bonelli TGT_BONELLI +09.004
5 Juan Hernandez JUNCOS_Kangreti +09.009
6 Robert Heck VSR_Robert +11.441
7 Randall Haywood TX3_Originals +14.152
8 Igor Fraga IOF_RACING17 +15.258
9 Nicolás Rubilar FT_NicoR +17.979
10 Kevan Pounder PX7-Windfire +20.053
11 Bernal Valverde Infinity_BernalV +21.129
12 Fabián Portilla PerrolocoMcQ +22.760
13 Mark Pinnell Turismo-lester +30.234
14 Tristan Bayless roadbeef +31.016
15 Nick McMillen GumballCGT +39.499
16 Daniel Solis Px7-Lamb - - -

ในการสัมภาษณ์หลังจบการแข่งขัน Adriano Carrazza ก็ยังไม่รู้เลยว่าตนเองได้เป็นแชมป์ของภูมิภาคอเมริกาเหนือกลางใต้คนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนกระทั่ง Julia Hardy ผู้สัมภาษณ์ในแจ้งให้ทราบ

“หา ผมเป็นแชมป์อเมริกาเหรอ?" เยี่ยม! ครับ ผมรู้สึกมีความสุขอย่างมากกับผลงานของผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งขันรอบท้ายสุด ผมทำเวลารอบคัดเลือกได้ดี ส่วนการแข่งขันผมก็แค่อยากจะทำความเร็วให้ดีน่ะครับ ผมคิดว่าแผนการเข้าพิตของผมใช้ได้ แล้วทุกอย่างจะออกมาดีสำหรับผมเลยทีเดียว” เขากล่าว

ผลการแข่งขัน Nations Cup ประจำปี 2020 - ภูมิภาครอบสุดท้าย (อเมริกาเหนือกลางใต้)

อันดับ นักแข่ง การแข่งที่ 1 การแข่งที่ 2 รอบชิงชนะเลิศ คะแนนรวม
1 Adriano Carrazza KoA_Didico15 7 7 24 38
1 Angel Inostroza YASHEAT_Loyrot 8 10 20 38
1 Andrew Brooks PX7-Deafsun 10 12 16 38
4 Lucas Bonelli TGT_BONELLI 5 8 14 27
5 Randall Haywood TX3_Originals 6 5 8 19
5 Nicolás Rubilar FT_NicoR 12 3 4 19
7 Juan Hernandez JUNCOS_Kangreti 0 2 12 14
8 Robert Heck VSR_Robert 0 0 10 10
8 Igor Fraga IOF_RACING17 4 0 6 10
10 Kevan Pounder PX7-Windfire 1 4 2 7
11 Daniel Solis Px7-Lamb 0 6 0 6
12 Tristan Bayless roadbeef 3 0 0 3
13 Fabián Portilla PerrolocoMcQ 2 0 0 2
14 Nick McMillen GumballCGT 0 1 0 1
15 Bernal Valverde Infinity_BernalV 0 0 0 0
15 Mark Pinnell Turismo-lester 0 0 0 0
FIA GT Championships 2020 | Nations Cup | ภูมิภาครอบสุดท้าย | ภูมิภาคอเมริกาเหนือกลางใต้
การต่อสู้อันดุเดือดที่แทบจะหักกันไม่ลงจนถึงรอบสนามสุดท้ายในก...

กลับสู่รายการ