สำหรับหลายคนทั่วโลกนั้น ปี 2020 เป็นปีที่ไม่น่าจดจำ แต่ว่าไม่ใช่สำหรับ Takuma Miyazono นักแข่งชาวญี่ปุ่นผู้เป็นแชมป์คนใหม่ล่าสุดของ FIA Gran Turismo Championships Nations Cup ชัยชนะครั้งนี้ถือว่าเป็นการส่งท้ายปีอย่างยอดเยี่ยมสำหรับนักแข่งอายุ 20 ปีที่ได้ชนะในอีเวนต์ "World Tour 2020 – ซิดนีย์" ไปแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ภาวะระบาดหนักทั่วโลกทำให้ต้องยุติอีเวนต์สดต่าง ๆ แม้กระนั้นถึงการแข่งขันจะดำเนินการทางออนไลน์เพียงอย่างเดียวก็ตาม แต่ Miyazono ก็ไม่ยอมหยุดนิ่ง สามารถเอาชนะรายการแข่งขันออนไลน์ Nations Cup เอเชียได้ และก็มาเก็บชัยชนะต่อเนื่องกันอีกในการแข่งขันภูมิภาครอบสุดท้ายเอเชีย-โอเชียเนีย และแน่นอนว่าช่วงสัปดาห์ของการแข่งขัน World Finals ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จของ Miyazono เพราะว่าเขาสามารถเก็บชัยชนะในอีเวนต์รอง Toyota GR Supra GT Cup ได้สำเร็จ แล้วก็ไปเก็บแชมป์โลกให้กับ Subaru ใน Manufacturer Series ได้อีกด้วย และชัยชนะอันน่าตื่นเต้นใน Nations Cup ก็ทำให้ Miyazono สุดยอดนักวางแผน สามารถคว้าสุดยอดชัยชนะแกรนด์สแลมของ Gran Turismo ที่ไม่มีอะไรมาเทียบเคียงได้สำเร็จ
การแข่งขัน Nations Cup รอบ World Finals คือการเปิดฉากวันสุดท้ายของการแข่งขัน FIA GT Championships ประจำปี 2020 และ 16 ผู้เล่นฝีมือดีที่สุดทั่วทั้งโลกจาก 10 ประเทศ ที่ผ่านเข้ารอบมาทางการแข่งขันภูมิภาครอบสุดท้ายออนไลน์นั้น ในขณะนี้ก็ได้มารวมตัวทางออนไลน์กันแล้ว เพื่อต่อสู้กันหาสุดยอดฝีมือ

เราได้ปรับแก้รูปแบบการแข่งขันของปีนี้เล็กน้อยเนื่องจากเกิดภาวะระบาดหนักทั่วโลก ผู้เล่นทุกคนจะได้แข่งขันกันรวมทั้งหมด 3 การแข่งขันผ่านทางวิดีโอ และจะตัดสินลำดับการออกตัวของการแข่งขันแต่ละครั้งด้วยรอบจับเวลาคัดลำดับ 10 นาที และจะมีการมอบแต้มให้แก่รถที่เข้าเส้นชัย 10 คันแรก รวมทั้งจะให้แต้มเป็น 2 เท่าในรอบชิงชนะเลิศ และนอกจากนั้นก็ยังมีการนำแต้ม World Tour ของนักแข่งที่ชนะในฤดูกาลนี้มารวมเข้ากับการแข่งขันชิงแชมป์ด้วย ซึ่งก็ทำให้ Coque López จากประเทศสเปน (ผู้ชนะของภูมิภาค EMEA) กับ Adriano Carrazza จากประเทศบราซิล (ผู้ชนะของภูมิภาคอเมริกาเหนือกลางใต้) มานั่งอยู่แถวหน้าตั้งแต่เริ่มเลย ถึงกระนั้นก็ตาม กลับเป็น Takuma Miyazono (ผู้ชนะภูมิภาคเอเชียโอเชียเนียและ "World Tour 2020 – ซิดนีย์") ที่นำหัวขบวนอยู่ในตารางคะแนนของอีเวนต์ และหาทางเก็บชัยชนะครั้งนี้ให้ได้หลังจากที่ชนะมาแล้วใน GR Supra GT Cup กับ Manufacturer Series

การแข่งขันที่ 1

การแข่งขันแรกของวันคือการแข่งขัน 13 รอบสนามฟูจิ อินเตอร์เนชันแนล สปีดเวย์ในจังหวัดชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น รถยนต์ที่นำเสนอในครั้งนี้ก็คือ Toyota GR Yaris คันใหม่อันเร้าใจ ซึ่งเป็นรถยนต์จริงที่มานำเสนออยู่ในสตูดิโอของ GT อันตระการตา ที่เป็นศูนย์ถ่ายทอด World Finals และมีการกำหนดให้นักแข่งทุกคนจะต้องใช้ยางเนื้อยางปานกลางและเนื้อยางแข็งอย่างน้อยเป็นเวลา 1 รอบสนาม ซึ่งหมายความว่าแผนการเข้าพิตจะเริ่มมีผลกันตั้งแต่ช่วงแรก คนที่ออกตัวเป็นลำดับที่ 1 ของการแข่งขันที่ 1 ก็คือ Miyazono (Kerokkuma_ej20) จากประเทศญี่ปุ่น ที่ทำเวลาในรอบจับเวลาได้ดีกว่า Giorgio Mangano (Williams_Gio) จากประเทศอิตาลีที่ออกตัวเป็นลำดับที่ 2 และ Valerio Gallo (Williams_BRacer) ลำดับที่ 3 ส่วนลำดับที่ 4 นั้นก็คือ Rick Kevelham (HRG_RK23) จากประเทศเนเธอร์แลนด์

การออกตัวแบบโรลลิ่งทำให้เกิดการความวุ่นวายกันตั้งแต่โค้งแรก โดย Miyazono นำขบวนผ่านเข้าโค้งหักศอกขวา ปิดทางการท้าทายจาก Mangano ได้อย่างรวดเร็ว และในขณะนี้รถยนต์ 7 ลำดับแรกก็ใช้ยางเนื้อยางปานกลางกันอยู่ ทำให้มีการแตะเนื้อต้องตัวกันเกือบทุกช่วงของสนามกันเลยทีเดียว ส่วน Coque López (Williams_Coque14) แชมป์ภูมิภาค EMEA จากประเทศสเปน ได้ทำเวลาในรอบจับเวลาได้อย่างย่ำแย่ ทำให้ออกตัวอยู่ในลำดับที่ 8 แล้วก็โดนทำโทษอีก 1 วินาที เพราะว่าดันออกไปวิ่งนอกทางวิ่งในรอบสนามแรกของการแข่งขัน

เมื่อเริ่มรอบสนามที่ 5 Mangano ก็แซง Miyazono ขึ้นไปนำหัวแถวได้สำเร็จ ด้วยการเบรกที่ดีกว่าในโค้งที่ 1 จากนั้น Gallo นักแข่งชาวอิตาลีอีกคนหนึ่งก็ทำตามในช่วงแฮร์พินของโค้งที่ 6 ขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 2 และเราก็ได้เห็นการเข้าพิตครั้งแรกเมื่อแข่งกันมาได้ถึงครึ่งทาง แต่ว่ารถยนต์ 7 ลำดับแรกนั้น ที่ทุกคันใช้ยางเนื้อย่างปานกลาง ต่างก็เลือกที่จะยังไม่เข้าพิต

เมื่อมาถึงรอบสนามที่ 7 รถยนต์หลายคันที่นำหัวขบวนอยู่ ซึ่งรวมถึง Miyazono ยกเว้น Mangano กับ Gallo ก็ได้มุ่งหน้าเข้าพิต เพื่อเปลี่ยนจากยางเนื้อยางปานกลางไปใช้ยางเนื้อยางอ่อน และจากนั้น Angel Inostroza (YASHEAT_Loyrot) ที่อยู่ลำดับ 4 จากประเทศชิลีก็ได้สร้างความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เพราะว่าเผลอใส่ยาง Michelins เนื้อยางปานกลางแทนที่จะเป็นเนื้อยางแข็ง ทำให้จะต้องเข้าพิตเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ครั้ง ซึ่งก็ทำให้หลุดออกจากการแข่งขันไปโดยปริยาย เมื่อมาถึงรอบสนามที่ 8 นักแข่งชาวอิตาลี 2 คนที่นำหัวขบวนอยู่ก็ได้มุ่งหน้าเข้าพิตมาเปลี่ยนไปใช้ยางเนื้อยางแข็ง และก็กลับลงสนามอยู่ในลำดับเดิม และในตอนนี้เราก็มีการแข่งขันเหลืออีกเพียง 4 รอบสนาม นี่คือการไล่กวาดไปยังเส้นชัยให้เร็วที่สุด ซึ่งนำหน้ามาด้วย Mangano และตามด้วย Gallo กับ Miyazono และต่อมาก็คือ Kevelham กับ Ryota Kokubun (Akagi_1942mi) จากประเทศญี่ปุ่นที่อยู่ในลำดับที่ 5 แต่ปรากฏว่า Inostroza ได้ตัดสินใจที่จะทำตัวเป็นตัวป่วน ด้วยการไปเบียดกลุ่มหัวขบวน และเลือกที่จะไม่เข้าพิตตามที่กำหนดไว้ให้เร็วขึ้น แล้วก็ไปแตะ Mangano เพื่อหาทางแซงให้ได้ แล้วก็ยังไปเบียดโดน Gallo กับ Miyazono ที่ตอนนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำลังภาวนาให้นักแข่งชาวชิลีคนนี้ช่วยหลีกทางออกไปเสียที แต่ว่าจากมุมมองของทุกคนที่เหลือ ก็ดูเหมือนว่า Inostroza กำลังสนุกเกินกว่าที่จะเข้าพิตได้

เมื่อถึงรอบสนามที่ 11 Gallo ก็สามารถยึดตำแหน่งหัวขบวนมาได้ในช่วงทางตรง เป็นการเอาคืนเพื่อนร่วมชาติเมื่อเข้าโค้งที่ 1 และเบียดผ่าน Mangano ไปได้ตรงทางออกโค้ง แต่ว่ากลับเข้าโค้งพานาโซนิค (โค้งที่ 16) กว้างเกินไป เลยทำให้ Mangano สามารถกลับมานำขบวนได้อีกครั้ง และปล่อยให้ Inostroza ตีคู่ขนาบข้างขึ้นมาได้ และก็ดูเหมือนว่ารถยนต์ทั้ง 3 คันจะเกาะกลุ่มกันไปเมื่อพุ่งผ่านช่วงทางตรงด้านหน้าด้วยความเร็ว 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ในรอบสนามที่ 12 Tomoaki Yamanaka (yamado_racing38) จากประเทศญี่ปุ่น ที่ค่อย ๆ ไต่ลำดับขึ้นมาต้นมาอยู่ที่ลำดับที่ 4 ได้จัดการ Miyazono เพื่อนร่วมชาติสำเร็จในโค้งที่ 13 ทำให้ยึดลำดับที่ 3 มาเป็นของตัวเองได้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ดูเหมือนว่าจะส่งผลต่อจิตใจของ Miyazono เพราะว่าทั้ง Serrano และ Kevelham ก็สามารถแซงผ่าน Miyazono ขึ้นไปได้ในโค้งถัดไป ทำให้ Miyazono ลงมาอยู่ลำดับที่ 7 และในที่สุด Inostroza ก็เข้าพิตเสียที ซึ่งก็ทำให้ Gallo แซง Mangano ขึ้นไปอยู่หัวขบวนได้ แต่ว่า Yamanaka ก็ยังแอบตามอยู่เหมือนเงาตามตัว เป็นเพียงคนเดียวใน 6 ลำดับแรกที่ใช้ยางเนื้อยางปานกลางที่มีความเร็วสูงกว่า แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อนักแข่งสัญชาติญี่ปุ่นคนนี้พยายามที่จะแซงผ่าน Mangano ในโค้ง 300R (โค้งที่ 9) ก็โดนเบียดจนหลุดออกจากไลน์วิ่งของตัวเอง ทำให้ความเร็วลดลงจน Serrano กับ Kevelham แซงหน้าขึ้นไปได้ และในพริบตาเดียวนั้น Yamanaka ก็หล่นลงจากลำดับที่ 2 มาอยู่ลำดับที่ 5

การแข่งขันสิ้นสุดลงด้วยการเข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่งของ Gallo ตามมาด้วย Mangano, Serrano, และ Kevelham ส่วน Andrew Brooks (PX7-Deafsun) นักแข่งชาวแคนาดาที่เริ่มออกตัวอยู่ในลำดับที่ 9 ก็สามารถยกระดับตัวเองจนมาเข้าเส้นชัยเป็น 5 อันดับแรกได้อย่างน่าทึ่ง และสำหรับ Miyazono นั้น ก็เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 9 อย่างน่าผิดหวัง เก็บไปได้เพียง 2 แต้มเท่านั้น

การแข่งขันที่ 2

การแข่งขันที่ 2 มีสภาพอากาศที่เลวร้ายรอนักแข่งทุกคนอยู่ เพราะว่าฝนได้ตกลงมาใส่สนามโตเกียวเอ็กซ์เพรสเวย์ - อีสต์ (วงนอก) ที่มีความท้าทาย และเนื่องจากสภาพถนนลื่น นักแข่งจึงจะวิ่งกันด้วยยางสำหรับถนนเปียกอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ไม่มีการเข้าพิตเลยตลอดทั้งการแข่งขัน 13 รอบสนาม ส่วนรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ก็คือ Porsche 911 RSR ซึ่งนักแข่งมืออาชีพทุกคนต่างรู้ดีว่าการนำรถแข่งเครื่องวางหลังขับหลัง มาวิ่งในสภาพถนนเปียกนั้นเป็นอะไรที่เรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ส่วนลำดับการออกตัวจากรอบจับเวลาคัดลำดับนั้น ก็เป็น Takuma Miyazono จากประเทศญี่ปุ่นที่จบการแข่งขันที่ 1 อย่างย่ำแย่อยู่ในอันดับที่ 9 ที่สามารถทำเวลาได้ดีที่สุดและได้ออกตัวเป็นลำดับแรก จากนั้นลำดับต่อมาที่ออกตัวข้าง ๆ กันก็คือ Jose Serrano นักแข่งชาวสเปนอายุ 18 ปี ตามมาด้วย Ryota Kokubun (ญี่ปุ่น) และ Patrik Blazsán (Williams_Fuvaros) จากประเทศฮังการี

และก็มีแอ็กชันกันเริ่มตั้งแต่ออกตัวเลยทีเดียวเพราะว่า Serrano ใช้ลมหลังจาก Miyazono ในช่วงทางตรงด้านหน้าทำความเร็ว 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปนำเป็นหัวขบวน

Kokubun ก็มองเห็นโอกาส และก็พุ่งผ่าน Miyazono ไปได้ด้วยเช่นกัน แต่ว่า Miyazono ก็สู้กลับด้วยการยึดลำดับที่ 2 กลับมาในโค้งถัดไป และตอนนี้รถทุกคันในสนามต่างขับเคี่ยวกันอย่างหนักหน่วงเพื่อเพิ่มลำดับของตัวเองให้ได้ โดย Andrew Brooks นักแข่งชาวแคนาดาได้มีลำดับดีขึ้น 2 ลำดับมาอยู่ที่ลำดับที่ 5 และพร้อมที่จะชิงลำดับที่ 4 จาก Kokubun ในรอบสนามที่ 2 ส่วนในขณะเดียวกันนั้น Miyazono ก็ใช้ลมด้านหลังจาก Serrano ยึดลำดับหัวขบวนไปได้ที่ช่วงทางตรง และเนื่องจากว่ารถยนต์ทุกคันต้องขับอยู่บนเส้นทางที่มีความลื่น จึงทำให้หลายคันไถลและไปเฉี่ยวชนกำแพง ซึ่งก็ทำให้ Miyazono, Serrano และ Blazsán สามารถฉีกตัวออกห่างทิ้งขบวนไปได้ถึง 2.0 วินาที

และในขณะนี้ Lucas Bonelli (TGT_BONELLI) ผู้ที่แสดงให้เห็นถึงความเร็วอันน่าทึ่งตลอดช่วงสุดสัปดาห์ ก็พุ่งเข้าชาร์จอย่างหนักมาจากท้ายขบวน ยึดลำดับที่ 5 ไปได้ แล้วก็มาพบว่าตัวเองได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้อันดุเดือดระหว่าง Kokubun, Brooks และ Gallo ที่ทั้ง 4 คันเกาะกลุ่มกันอยู่ในลำดับที่ 4 ถึงลำดับที่ 7 จากนั้น Coque López จากประเทศสเปนก็มาร่วมตะลุมบอนด้วยในรอบสนามที่ 4 เพราะว่าได้ไต่ลำดับขึ้นมาจากที่ 11 ขึ้นมาท้า Bonelli เพื่อชิงลำดับที่ 7 ไปให้ได้
เมื่อมาถึงจุดนี้ของการแข่งขัน เราสามารถเห็นถึงกลยุทธ์ของทั้ง Miyazono และ Serrano ได้อย่างชัดเจนว่า ทั้งคู่ใช้ลมท้ายดึงกันไปดึงกันมาที่ช่วงทางตรงยาว เพื่อฉีกตัวออกห่างจากขบวนที่เหลือให้ได้ และก็ดูเหมือนว่าการร่วมมือครั้งนี้จะได้ผลเป็นอย่างดี เพราะว่าสามารถฉีกตัวออกห่างจากขบวนได้ถึง 4.5 วินาทีในรอบสนามที่ 7 และในขณะเดียวกันนั้น Baptiste Beauvois (PRiMA_TsuTsu) จากประเทศฝรั่งเศสกับ Angel Inostroza จากประเทศชิลี ก็มาร่วมตะลุมบอนช่วงกลางขบวนกับ Gallo, Bonelli และ López

เมื่อมาถึงครึ่งทางของการแข่งขัน เราก็จะเห็นได้ว่ากลุ่มครึ่งแรกของขบวน สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มด้วยกันกล่าวคือ กลุ่มของ Miyazono กับ Serrano ที่นำอยู่หน้าสุด กลุ่มของ Blazsán กับ Kokubun ที่ตามหลังกลุ่มแรกอยู่หลายวินาที และกลุ่มของ Gallo, Brooks, Beauvois, Bonelli และ López ที่ตามหลังกลุ่มที่ 2 อยู่อีกหลายวินาที และลำดับการวิ่งก็แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยเป็นเวลายาวนาน เพราะว่านักแข่งทุกคนมีปัญหากับการเกาะถนน จึงทำให้ต้องระมัดระวังเพื่อจะได้ไม่สูญเสียการควบคุม Porsche ของตนเอง แต่ถึงกระนั้นก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น

เมื่อมาถึงรอบสนามที่ 11 เราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า Miyazono หรือ Serrano คนใดคนหนึ่งนี่แหละที่จะเป็นผู้คว้าชัยชนะไปในการแข่งขันนี้ เพราะว่าทั้งคู่ได้ทิ้งขบวนออกห่างไปถึง 5 วินาทีแล้ว ที่เหลือก็คือคำถามที่ว่าจะเข้าเมื่อไหร่ และหลังจากที่ร่วมมือกันมาเกือบตลอดทั้งการแข่งขัน ทั้งคู่จะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไร และนี่ก็ถือได้ว่าเรามาถึงจุดชี้เป็นชี้ตายกันแล้ว

และคำตอบก็เผยตัวออกมาเมื่อเริ่มรอบสนามสุดท้าย โดย Serrano นำ Porsche สีเหลืองของตนเองมาใช้สลิปสตรีมของ 911 สีขาวของ Miyazono และขึ้นมานำอยู่เพียงแค่ช่วงปลายจมูก สิ่งที่ Serrano ต้องทำก็คือ จะต้องรักษาระยะนำดังกล่าวนี้เอาไว้ให้ได้ แต่ว่า Miyazono ก็ได้เตรียมแผนไว้รับมือแล้ว ถึงแม้ว่านักแข่งสัญชาติญี่ปุ่นของเราจะได้ท้าทายนักแข่งขันชาติสเปนหลายต่อหลายโค้งก็ตาม แต่ว่าเขาได้เก็บไม้ตายเอาไว้ใช้กับโค้งสุดท้าย เมื่อรถทั้ง 2 คันกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ช่วงแฮร์พินของโค้งขวา Miyazono ก็ตีออกวงนอกเพราะว่า Serrano พยายามป้องกันไลน์วิ่งของตนเองเอาไว้เหมือนดั่งไข่ในหิน แต่ทันใดนั้นเอง Miyazono ก็มุดเข้าวงในของโค้งในช่วงวินาทีสุดท้าย ทำให้ Serrano ต้องใช้วงกว้างเพิ่งออกจากโค้ง

ไลน์วิ่งที่เร็วกว่านี่แหละ ที่ทำให้ Miyazono สามารถออกจากโค้งได้เป็นคนแรก และถึงแม้ว่า Serrano พยายามทุกวิถีทางที่จะไล่ตาม Porsche สีขาวของ Miyazono ให้ทันในช่วงทางตรงด้านหน้า แต่ว่านักแข่งชาวญี่ปุ่นของเรา ก็สามารถปิดทางไว้ได้ และเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 แบบเส้นยาแดงผ่าแปด โดยมีเวลาที่เร็วกว่าเพียงแค่ 0.022 วินาทีเท่านั้น แต่กระนั้นก็ตาม ถึงแม้ว่า Serrano จะเข้าเส้นชัยเป็นที่ 2 เขาก็มีแต้มเท่ากับ Miyazono อยู่ที่ 25 แต้มเป็นผู้นำรวมทั้งคู่ และทั้งคู่ก็เข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ที่จะเป็นการแข่งขันตัดสินผู้ชนะของรายการ

รอบชิงชนะเลิศ

สำหรับคนที่คิดว่าเราได้ผู้ชนะ Nations Cup ปี 2020 กันเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากจบการแข่งขันที่ 2 ก็คงบอกได้แค่เพียงว่าต้องไปคิดใหม่ เพราะว่านักแข่ง 2 คนที่มีคะแนนนำอยู่นั้น ซึ่งก็คือ Takuma Miyazono (ญี่ปุ่น) กับ Jose Serrano (สเปน) ทำเวลาในรอบจับเวลาคัดลำดับได้อย่างน่าผิดหวังทั้งที่ใช้ Mazda RX-Vision GT3 Concept รถยนต์อันมีสไตล์ สามารถเก็บได้เพียงแค่ลำดับที่ 7 กับลำดับที่ 8 ในตารางออกตัวของรอบชิงชนะเลิศ ที่ให้แต้มเป็น 2 เท่า การแข่งขันครั้งนี้จะแข่งขันกันรอบสนามแข่งขันรถยนต์ซาร์ธ ซึ่งเป็นสนามของการแข่งขันเลอม็องส์ 24 ชั่วโมง บรรดานักแข่งที่รู้สึกว่าหมดโอกาสไปแล้ว ก็พร้อมใจกันพบว่าตนเองยังมีโอกาสอยู่ที่จะได้รับตำแหน่งแชมป์ประจำปี 2020 ไปครอง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Valerio Gallo ที่ทำเวลาได้อย่างรวดเร็วน่าทึ่งอยู่ที่ 3:52.300 นาที ได้ออกตัวอยู่ในลำดับแรก ตามมาด้วย Ryota Kokubun จากประเทศญี่ปุ่น

เช่นเดียวกับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศทุกครั้ง กลยุทธ์การเข้าพิตจะมีความสำคัญมาก เพราะว่านักแข่งจะต้องลงแข่งด้วยยางเนื้อยางอ่อน ปานกลาง และแข็งเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 รอบสนาม และก็จำเป็นจะต้องเข้าไปเติมน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะว่าน้ำมันเชื้อเพลิงถังเดียวนั้น ไม่สามารถทำให้วิ่งได้ครบทั้ง 10 รอบสนามตามที่กำหนดไว้ในการแข่งขันครั้งนี้

รถยนต์ออกตัวอย่างขาวสะอาดจากจุดออกตัว มุ่งหน้าเข้าสู่โค้งดันลอปเพื่อต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งกัน โดย Adriano Carrazza จากประเทศบราซิลที่เป็นแชมป์ภูมิภาคอเมริกาเหนือกลางใต้ ก็ได้เข้าตะลุมบอนด้วยการใช้งานยาง Michelins เนื้อยางอ่อนให้เป็นประโยชน์ และวิ่งผ่าน Tomoaki Yamanaka จากประเทศญี่ปุ่นที่อยู่ลำดับที่ 3 และ Kokubun ขึ้นไปอยู่ในลำดับที่ 2 ส่วน Miyazono เองก็พุ่งผ่าน Rick Kevelham (HRG_RK23) จากประเทศเนเธอร์แลนด์ขึ้นมาอยู่ลำดับที่ 6 ได้ และลำดับการวิ่งก็เป็นเช่นนี้ไปจนกระทั่งถึงครึ่งแรกของรอบสนามเปิดตัว โดย Gallo ที่นำหัวขบวนอยู่กับ Carrazza ลำดับที่ 2 เล่นเพียง 2 คนเท่านั้นที่ใช้ยางเนื้อยางอ่อน และก็เริ่มมองหาวิธีการฉีกตัวเองออกไปจากขบวน

เมื่อเริ่มรอบสนามที่ 2 นักแข่งที่ใช้ยางเนื้อยางแข็งก็เริ่มเข้าพิตหลังจากปฏิบัติตามกฎครบรอบ 1 รอบสนามเป็นที่เรียบร้อย จากนั้น การต่อสู้เพื่อแย่งชิงลำดับที่ 3 ก็เริ่มต้นขึ้น เพราะ Miyazono และ Cody Nikola Latkovski (Nik_Makozi) นักแข่งฝีมือดีที่เห็นอยู่เป็นประจำ ต่างก็พุ่งเข้าไปจ่อ Giorgio Mangano กับ Kokubun ผ่านทางโค้งอินเดียนาโปลิส

เมื่อมาถึงโค้งมุลซานน์ บรรดารถยนต์ก็เคลื่อนตัวอยู่ที่ความเร็ว 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ Latkovski ก็พุ่งขึ้นหน้า Kokubun กับ Mangano ได้สำเร็จ ยึดลำดับที่ 2 มาได้จากการแซงเพียงครั้งเดียว แต่ว่า Miyazono คือคนที่ทำได้ดีกว่า เพราะว่ากระโดดขึ้นมาอยู่ข้างหน้า Kokubun, Mangano และ Latkovski ได้ ยึดลำดับที่ 3 ได้จากการลงมือเพียงครั้งเดียวเช่นกัน และในรอบสนามถัดไป Gallo, Carrazza กับ Miyazono ต่างก็มุดเข้าพิต โดยนักแข่งที่นำขบวนอยู่ทั้ง 2 คนได้เลือกใช้ยางเนื้อยางปานกลาง ส่วน Miyazono เลือกใช้เนื้อยางอ่อน และก็ทำให้ Latkovski ขึ้นไปนำอยู่หัวแถว ตามมาด้วย Mangano กับ Kokubun ส่วร Gallo, Carrazza และ Miyazono ก็กลับลงมาในสนามอยู่ในลำดับที่ 7, 8 และ 9 ตามลำดับ หลังจากผ่านไปอีกครึ่งรอบสนาม Latkovski กับ Mangano ก็สลับลำดับกัน ใช้ลมส่งท้ายซึ่งกันและกันให้เป็นประโยชน์ เพื่อฉีกตัวออกห่างออกจากขบวนไปเป็นเวลา 1.5 วินาที

ในรอบสนามที่ 5 เราก็ได้เห็นการต่อสู้อย่างเต็มฝีมืออยู่ที่ช่วงกลางขบวน เพราะว่า Coque López นักแข่งชาวสเปนได้แซงรถขึ้นมาทีเดียว 2 คัน ทำให้ขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 6 ทิ้ง Kokubun กับ Kevelham ไว้ในกระจกมองหลัง ตัวในขณะเดียวกัน Jose Serrano นักแข่งชาวสเปนอีกคนที่เป็นผู้นำร่วมด้านคะแนนโดยรวม กำลังอยู่ในลำดับที่ 11 และไม่สามารถหาช่องทางของตัวเองเจอเลย จึงทำให้หมดหวังที่จะคว้าแชมป์ครั้งนี้ไปโดยสมบูรณ์ ส่วนทางด้านหัวขบวน 2 คันซึ่งก็คือ Latkovski กับ Mangano ก็ได้เข้าพิตเป็นครั้งแรก โดยทั้งคู่เปลี่ยนไปใช้ยางเนื้อยางแข็ง ทำให้ Gallo กับ Miyazono ขึ้นมานำหน้าอยู่ที่หัวขบวนอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อมาถึงรอบสนามที่ 6 Kevelham ที่ใช้ยางเนื้อยางอ่อน ก็แซงผ่าน Latkovski ที่ใช้เนื้อแข็งไปได้ ขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 4 แล้วว่ายังเหลือระยะทางอีกยาวไกลจึงจะสามารถไล่ตาม Carrazza ที่อยู่ในลำดับที่ 3 ทัน เพราะตอนนี้ Carrazza นำหน้านักแข่งชาวดัตช์ของเราอยู่ถึง 7.0 วินาที และเมื่อเริ่มรอบสนามที่ 7 รถแข่ง 11 คันจาก 16 คันก็ได้เข้าพิต ทำให้ลำดับการวิ่งมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง แต่ที่หัวขบวนก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะว่าทั้ง Gallo กับ Miyazono ก็ยังนำขบวนอยู่เหมือนเดิม และจากนั้นเอง Miyazono ก็เข้าเล่นงาน Gallo ผ่านทางโค้งอินเดียนาโปลิส และแซงสำเร็จชนิดที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ส่วน Carrazza ที่ตามหลังมานั้นโดนลงโทษเพราะว่าวิ่งออกนอกเส้นสนาม ทำให้หมดโอกาสลุ้นแชมป์ และส่งผลให้ Kokubun, Latkovski, Yamanaka กับ Mangano มาแย่งลำดับที่ 3 กัน ถึงแม้ว่าทุกคนที่กล่าวมาจะใช้ยางเนื้อยางอ่อนก็ตามแต่ว่า Miyazono กับ Gallo ได้นำหน้ามากเกินไปแล้วในจุดนี้ ทำให้การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในครั้งนี้ เป็นการแข่งขันของคนสองคน

และก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ Gallo ได้ออกลายที่โค้งอินเดียนาโปลิส ใช้ลมตามของรถแข่งสีขาวของ Miyazono และตีออกวงนอกเพื่อวิ่งแซงผ่านขึ้นไป

แต่ว่า Miyazono ก็ตามติดประชิดไม่ปล่อย หาช่องที่จะแซงผ่านทางโค้งสุดท้ายของการแข่งขัน แต่ถึงกระนั้น Gallo ก็ไม่ยอมเปิดช่องให้เลย สามารถนำหน้าไปได้จนกระทั่งเข้าเส้นชัย และก็ตามมาด้วย Miyazono, Latkovski กับ Yamanaka

ชัยชนะในครั้งนี้ได้ทำให้นักแข่งชาวอิตาลีขึ้นมามีคะแนนรวมอยู่ในอันดับที่ 2 แต่ว่าสุดท้ายแล้วตำแหน่งแชมป์ของ Nations Cup และทุกรายการที่จัดขึ้นในสุดสัปดาห์ ก็ตกเป็นของ Takuma Miyazono ผู้ที่เก็บตำแหน่งแชมป์ 3 มงกุฎของ World Finals ปี 2020 ได้สำเร็จ จากการชนะในทุกรายการซึ่งก็คือ GR Supra GT Cup, Manufacturer Series และ Nations Cup ในการแข่งขันทั้ง 3 วัน ส่วนคนที่ได้ขึ้นมาร่วมยืนบนโพเดียมก็คือ Gallo กับ Ryota Kokubun จากประเทศญี่ปุ่นที่ได้อันดับที่ 3 ไปครองหลังจากจบการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในอันดับที่ 5

Miyazono ได้กล่าวหลังจากจบการแข่งขันว่า: “ผมไม่คิดเลยว่าผมจะชนะได้ครับ ผมมีความสุขมากๆ แต่ว่าตอนที่ผมวิ่งเข้าเส้นชัย ผมก็เข้าเส้นชัยเป็นที่ 2 ก็ไม่แน่ใจว่าผมได้เป็นแชมป์หรือเปล่านะครับในตอนนั้น สำหรับการชนะทุกรายการในช่วงสุดสัปดาห์นี้ก็ ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำครับว่าผมทำได้จนกระทั่งเมื่อกี้นี้เอง คือมันไม่น่าเชื่อเลยครับ แล้วก็ชัยชนะที่ซิดนีย์ ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าปีนี้เป็นปีที่ดีของผม พร้อมส่งท้ายปีด้วย World Finals แต่ผมก็ยังรู้สึกอยู่ดีว่าผมยังจะต้องพัฒนาให้มากกว่านี้อีก เพราะฉะนั้นผมตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องกลับมาในปีถัดไปอย่างเก่งกว่าเดิมครับผม”

ผลการแข่งขันรายการแข่งขัน Nations Cup ประจำปี 2020 - รอบ World Finals