คู่มือ Gran Turismo World Series สำหรับมือใหม่
Gran Turismo World Series (GTWS) เป็นการแข่งชิงแชมป์ที่เปิดให้ผู้เล่น Gran Turismo จากทั่วโลกมาพิสูจน์ความสามารถของตัวเองกัน ผู้ที่ทำผลงานในการแข่งขันออนไลน์ได้ดี ก็จะได้ผ่านเข้าสู่ศึกประจัญบานอันเข้มข้นในอีเวนต์สดระดับโลก คือ รายการ "การชิงชัย" และ "World Finals" ซึ่งคู่มือนี้จะกล่าวถึงสิ่งที่น่าสนใจและเรื่องพื้นฐานบางประการของทัวร์นาเมนต์ เพื่อเป็นแนวทางให้แก่ผู้ที่เพิ่งเคยรับชมการถ่ายทอดของเราเป็นครั้งแรก และนี่คือทั้งหมดที่คุณต้องรู้!
การแข่งขันที่จะจัดขึ้นคือการแข่งขันใด
Manufacturers Cup
อีเวนต์สดระดับโลกจะประกอบไปด้วยสองทัวร์นาเมนต์ ทัวร์นาเมนต์แรกก็คือ "Manufacturers Cup" สำหรับทีมผู้ผลิตนานาชาติ แม้จะมีผู้ผลิตหลายรายในโลก แต่อีเวนต์สดรายการนี้จะเป็นการแข่งขันของทีมต่างๆ 12 ทีม ซึ่งประกอบด้วยพาร์ทเนอร์ทางการ คือ Toyota, Genesis และ Mazda รวมทั้งบริษัทผู้ผลิตอันดับต้นๆ จากรายการแข่งขันออนไลน์ โดยการแข่งขันนี้เป็นแบบทีม 3 คน และมีการเปลี่ยนตัวนักแข่งด้วย
Nations Cup
อีกรายการก็คือ "Nations Cup" ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างนักแข่งที่เป็นตัวแทนของประเทศ/ภูมิภาคตัวเอง อีเวนต์สดรายการนี้จะมีประเทศต่างๆ 12 ประเทศซึ่งรวมถึงประเทศเจ้าภาพมาแข่งขันกัน อนึ่ง เดิมทีรายการนี้เป็นการแข่งขันแบบเดี่ยว แต่ตั้งแต่การชิงชัยในปี 2023 ก็เปลี่ยนมาเป็นการแข่งขันแบบทีม 3 คนเหมือน Manufacturers Cup ซึ่งเตรียมตัวพบกับการแข่งขันที่คาดไม่ถึงได้เลย
ใช้รถอะไรในการแข่ง
อีเวนต์สดระดับโลกจะใช้รถสองประเภท ซึ่งล้วนเป็นไปตามกฎดั้งเดิมของแกรนทัวริสโม 7
รถกลุ่ม 3
รถในกลุ่มนี้ประกอบไปด้วยรถแข่งที่มาจากรถวิ่งบนท้องถนนทั่วไป และนี่คือหมวดหมู่ที่จะใช้ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของ Manufacturers Cup รถเหล่านี้จะใช้ระบบส่งกำลังแบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) และเป็นรถที่ออกแบบมาให้มีน้ำหนักระหว่าง 1,200 กก. ถึง 1,300 กก. โดยมีกำลังระหว่าง 500 ถึง 600 แรงม้า ทำให้แรงเหลือใจและเบาเหนือคาดเมื่อเทียบกับรถวิ่งบนท้องถนนโดยทั่วไป นอกจากนี้ ยังเป็นรถที่ติดตั้งชิ้นส่วนด้านระบบอากาศพลศาสตร์หลายแบบ เช่น ปีกหลังที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ซึ่งจะให้แรงกดได้มาก (แรงกดก็คือแรงที่กดรถลงสู่พื้นสนาม) ทำให้วิ่งได้รวดเร็วกว่ารถวิ่งบนท้องถนน การแข่งขันนี้จึงทำให้คุณอาจได้เห็นรถซึ่งปกติวิ่งอยู่บนท้องถนนมาประชันกันในฐานะรถแข่งนั่นเอง! จับตาดูรถคันโปรดของตัวเองไว้ให้ดี!
X2019 Competition
X2019 Competition เป็นรถแข่งหนึ่งที่นั่งแห่งโลกอนาคต ซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากโปรเจกต์รถยนต์แฟนคลับระหว่าง Red Bull Racing กับ Gran Turismo นี่คือรถที่จัดอยู่ในกลุ่ม X (สุดขีดแห่งพาหนะอันไม่อาจบรรจุไว้ในหมวดหมู่ใดๆ ที่มีอยู่แล้วได้) และเป็นรถที่จะใช้ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของ Nations Cup โมเดลนี้ผ่านการดัดแปลงมาสำหรับการแข่งขัน Gran Turismo World Series โดยเฉพาะ ซึ่งก็เพื่อให้แข่งขันกันได้ในระยะใกล้กว่าปกติ และทำให้นักแข่งแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้ X2019 เป็นรถยนต์สมรรถนะสูงกำลัง 800 แรงม้าที่มีน้ำหนักเพียง 650 กก. นี่คืออสูรร้ายแห่งเหล่ารถที่ต้องอาศัยรักแข่งมากฝีมือมากำราบ
ใช้สนามแข่งขันประเภทใด
สนามแข่งที่ใช้เป็นเวทีสำหรับการแข่งขันเหล่านี้จะมีอยู่สองประเภท คือจะมีสนามแข่งซึ่งมีอยู่จริงในโลก เช่น "ซูซูกะ" และ "สปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์" ซึ่งแฟนๆ กีฬาแข่งรถต่างคุ้นเคยกันดี หากคุณรับชมการแข่งขันในโลกจริงมาหลายรายการ ก็อาจจำสนามแข่งบางแห่งที่มาปรากฏโฉมในอีเวนต์นี้ได้
นอกจากนั้นก็จะมีสนามออริจินัลของ "แกรนทัวริสโม 7" สนามเหล่านี้จะเป็นสนามออริจินัลในสถานที่สมมติและมีผังหลายแบบ ความแตกต่างจากระหว่างสนามในโลกจริงก็คือ ความกว้างของสนามเหล่านี้จะมากกว่า ทำให้ประจัญบานกันในการแข่งขันได้มากขึ้น
สิ่งที่ต้องจับตา (ชั้นเชิงในการแข่งขัน)
การแข่งรถเป็นกีฬาที่คุณต้องพยายามแซงรถคู่แข่งเพื่อยกระดับตัวเอง และเข้าเส้นชัยให้ได้ตำแหน่งสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วนักแข่งจะขึ้นไปอยู่อันดับสูงได้อย่างไรบ้าง
เร่งแซง
การเร่งแซงเป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในการแข่งรถ ส่วนใหญ่แล้วคุณจะเห็นการเร่งแซงในส่วนที่เป็นทางตรงยาว (ทางตรง) ซึ่งเป็นส่วนที่นักแข่งจะได้เข้าใกล้รถคันข้างหน้าเพื่อใช้ประโยชน์จากแรงต้านที่ลดลงและความเร็วที่เพิ่มขึ้น เทคนิคนี้เรียกว่าการใช้ "สลิปสตรีม" หรือ "ลาก" ดังนั้น เมื่ออยู่ในส่วนนี้ของสนาม นักแข่งจึงต้องคอยจับตาทั้งรถคันหน้าและรถคันหลังไว้ให้ดี เมื่อรับชมการแข่งขัน คุณจะเห็นช่องว่างระหว่างรถแต่ละคันลดลงอย่างรวดเร็วที่ทางตรงยาว ทำให้มีโอกาสในการเร่งแซงอยู่มากมาย
การเร่งแซงที่โค้งก็เป็นสิ่งที่น่าจับตามองเช่นกัน เมื่อเข้าโค้ง โดยทั่วไปแล้วบรรดานักแข่งจะพยายามชะลอการเบรกออกไปให้นานที่สุด เพื่อจะได้เข้าวงในของคู่แข่งก่อนเร่งเครื่องออกมาอีกด้านหนึ่ง กระนั้น ความพยายามจะจู่โจมหรือตั้งรับที่โค้งก็นำมาซึ่งความเสี่ยงจะชนกันด้วย จึงทำให้กลายเป็นพื้นที่ที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งในสนามแข่ง เตรียมตัวพบศึกของระดับสุดยอดเมื่อเหล่านักแข่งที่เก่งที่สุดในโลกกดดันรถของกันและกันจนถึงขีดจำกัดที่โค้งเหล่านี้ได้เลย
การเร่งแซงผ่านทางกลยุทธ์เข้าพิต
การเร่งแซงคู่แข่งผ่านแผนการเข้าพิตเป็นเทคนิคสำคัญที่ใช้กันในการแข่งขันขนาดยาว นักแข่งจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าเวลาใดที่เหมาะแก่การเข้าพิตที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะกลับสู่สนามโดยยังนำคู่แข่งของตัวเองอยู่ ในการแข่งขันจริงๆ นั้น นี่คือสิ่งที่ทีมแข่งต้องตัดสินใจ แต่สำหรับ Gran Turismo แล้ว นักแข่งจะต้องตัดสินใจเอง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ลำพังความเร็วนั้นไม่เพียงพอให้ชนะการแข่งขันได้ นักแข่งต้องพิจารณาปัจจัยในการแข่งขันหลายประการ และตัดสินใจไปตามหลักการแข่งรถของทีม
แล้วทำไมรถถึงต้องเข้าพิตด้วย ส่วนใหญ่แล้วก็คือเข้าไปเติมน้ำมันและเปลี่ยนยาง เพราะยิ่งรถวิ่งไปหลายแล็ปเข้า ยางก็จะสึกหรอ และสมรรถนะของยางเหล่านั้นก็จะลดลง การเสื่อมสภาพนี้หมายความว่ายางจะสูญเสียแรงยึดเกาะไปจนทำให้ลื่น ซึ่งอาจทำให้ต้องใช้เวลาแล็ปมากขึ้น หรือที่แย่กว่านั้นก็คือ ถูกรถคันอื่นแซงไป และด้วยเหตุนี้เอง นักแข่งจึงต้องวางแผนว่าจะเข้าพิตและเปลี่ยนยางเมื่อใด รวมทั้งต้องคำนวณอัตราการใช้เชื้อเพลิงและการสึกหรอของยางไปตลอดการแข่งขันนั่นเอง ในแกรนทัวริสโม 7 นั้น อันตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการสึกหรอของยางอาจสูงกว่าในชีวิตจริงมาก ดังนั้น ยิ่งตั้งอัตราการสึกหรอของยางและอันตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงไว้สูง การวางแผนเข้าพิตที่ดีจึงยิ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก
เนื้อยางและลักษณะของยาง
ยางรถนั้นมีเนื้อแตกต่างกันหลายแบบ สำหรับรถแข่งแล้ว การแข่งขันในสภาพแวดล้อมแห้งจะมียางสามประเภท (อ่อน ปานกลาง และแข็ง) ส่วนในสภาพแวดล้อมเปียกจะมีสองประเภท (กึ่งแห้งกึ่งเปียกและเปียกมาก) ยางเนื้ออ่อนจะมีแรงยึดเกาะมากที่สุดสำหรับสภาพแวดล้อมแห้ง (ตามด้วยเนื้อปานกลางและเนื้อแข็ง) ดังนั้นจึงมีความเร็วสูงสุดด้วย แต่เนื้อยางยิ่งอ่อนก็ยิ่งสึกหรอเร็ว ซึ่งหมายความว่าต้องเข้าพิตเร็วขึ้นด้วย ดังนั้น การเลือกยางให้ถูกเนื้อถูกเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญของการแข่งขัน และสามารถเป็นตัวตัดสินการแพ้ชนะได้เลยทีเดียว
แต่ถึงอย่างนั้น อัตราการสึกหรอของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน การสึกหรอของดอกยางนั้นจะขึ้นอยู่กับลักษณะของรถหรือสไตล์การขับของนักแข่ง นักแข่งที่ขับนุ่มและหลีกเลี่ยงการสร้างภาระให้ยางโดยไม่จำเป็นก็จะยางสึกน้อยกว่า และผลก็คือ ยางของพวกเขาจะอยู่นานกว่าด้วย การเลือกใช้ยางนั้นมีอิทธิพลต่อผลการแข่งขันเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในช่วงท้ายของการแข่งขัน ดังนั้น คอยจับตาดูให้ดีว่านักแข่งเลือกใช้ยางอะไรกัน
ยางสำหรับสภาพแวดล้อมแห้ง
เนื้ออ่อน: เร็วแต่เสื่อมสภาพไว
ปานกลาง: สมดุลที่ดีระหว่างความเร็วและความทนทาน
เนื้อแข็ง: ทนทานแต่ช้า
การมีฝนตกระหว่างการแข่งขันนั้นเป็นเรื่องปกติ เมื่อฝนตกลงมา นักแข่งต้องตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนไปใช้ยางสำหรับสภาพแวดล้อมเปียกเมื่อไหร่ และการตัดสินใจนี้สามารถมีอิทธิพลต่อผลการแข่งขันอย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว กรณีเช่นนี้มีสองตัวเลือก คือ ยาง "กึ่งแห้งกึ่งเปียก" ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้ในสภาพแวดล้อมชื้นหรือฝนตกเล็กน้อย หรือยาง "เปียกมาก" ซึ่งมีประสิทธิภาพที่สุดเวลาฝนตกหนัก ในแกรนทัวริสโม 7 นั้นยังมีเรดาร์ตรวจอากาศที่นักแข่งสามารถใช้ตรวจสอบทิศทางของเมฆฝนที่ลอยมาทางสนามแข่งด้วย แต่ก็ต้องใช้ทักษะมากโขจึงสามารถประเมินสภาพฝนบนเรดาร์ไปพร้อมตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนยางเมื่อไหร่ โดยทำทั้งหมดนั้นขณะขับรถด้วยความเร็วสูง
ยางสำหรับสภาพแวดล้อมเปียก
กึ่งแห้งกึ่งเปียก: ใช้กับฝนตกเบาๆ
ยางเปียก: ใช้กับฝนตกหนัก
การบริหารจัดการเชื้อเพลิง
รถนั้นต้องใช้น้ำมันในการแข่งขัน ดังนั้น การเข้าพิตเพื่อเติมน้ำมันจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญนั่นเอง ใช่แล้ว การเติมน้ำมันนั้นทำให้เสียเวลาไปมากได้ ดังนั้น โดยทั่วไปแล้วจึงไม่แนะนำให้เข้าพิตเพื่อเติมน้ำมันเพียงอย่างเดียว นักแข่งส่วนใหญ่จะเข้าพิตเพื่อเติมน้ำมันและเปลี่ยนยางไปพร้อมกัน และดังนั้น จึงพยายามบริหารจัดการการใช้น้ำมันไปพร้อมการสึกหรอของยางด้วย เครื่องมือหนึ่งที่นักแข่งมีไว้ใช้ควบคุมการใช้เชื้อเพลิงก็คือ "แผนผังการฉีดเชื้อเพลิง" เมื่อใช้แผนผังการฉีดเชื้อเพลิง นักแข่งสามารถปรับความเข้มข้นของน้ำมันที่จะเข้าไปในเครื่องยนต์เป็นระดับกำลังต่างๆ ได้ถึงหกระดับ การกำหนดมิเตอร์นี้ไว้ที่ระดับ 1 จะทำให้มีกำลังฉีดสูงสุด แต่ก็จะใช้น้ำมันมากกว่าด้วย ดังนั้น การสร้างสมดุลระหว่างความเร็วและการใช้น้ำมันจึงเป็นปัจจัยสำคัญ นักแข่งบางคนจะหาโอกาสเร่งความเร็วขึ้นนำโดยใช้ระดับ 1 หรือ 2 ส่วนคนอื่นๆ ก็อาจเล่นเกมยาวด้วยการใช้ระดับ 5 หรือ 6 ลองจับตาดูว่าคุณจะสังเกตเห็นการใช้แผนนี้ระหว่างแข่งหรือไม่
GTWS เป็นการแข่งขันที่มีกฎควบคุมเข้มงวด
แม้ GTWS จะจัดขึ้นในสภาพแวดล้อมเสมือน แต่กฎที่ใช้ก็สมจริงมาก และนักแข่งต้องเคารพกันและกันเวลาอยู่ในสนามด้วย ดังนั้น เพื่อให้สามารถบังคับใช้กฎเหล่านี้และรักษาความเท่าเทียมกันในสนามแข่ง อีเวนต์สดระดับโลกของเราจึงมีเจ้าหน้าที่ประจำการแข่งขัน ที่จะคอยจับตาดูการแข่งขันและทำการตัดสินอย่างรอบคอบ
การทำผิดกฎในรูปแบบต่างๆ เช่น ตั้งใจชนคู่แข่งออกนอกสนาม หรือการขวางทางนักแข่งคนอื่นตลอดเวลา ถือเป็นการปฏิบัติในเชิงไม่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา และจะทำให้ถูกลงโทษทันที ส่วนการละเมิดกฎเรื่องการชนจะต้องผ่านการตรวจสอบภาพวิดีโอก่อน แล้วจึงใช้วิจารณญาณตัดสินด้วยความระมัดระวัง ปกติแล้วการลงโทษจะเป็นไปในลักษณะของการปรับเวลา โดยจะมีช่วงหนึ่งของสนามในแต่ละการแข่งขันที่รถจะชะลอความเร็วลงอัตโนมัติเพื่อลบล้างการลงโทษนี้
นอกจากนี้ ยังอาจมีการลงโทษด้วยสาเหตุอื่นๆ ด้วย เช่น "การละเมิดขอบเขตสนามแข่ง" สำหรับการออกนอกสนามแข่ง ความมีน้ำใจนักกีฬานั้นถือเป็นสิ่งสำคัญในทุกเสี้ยววินาทีที่นักแข่งแข่งขันกันใน GTWS