Gran Turismo World Series 2022 จวนเจียนจะถึงไคลแม็กซ์ในรอบ World Finals ณ เมืองมอนติคาร์โล ประเทศโมนาโก และการแข่งขันในช่วงสุดสัปดาห์ก็เปิดฉากขึ้นในวันนี้ด้วย TOYOTA GAZOO Racing GT Cup ที่นักแข่ง 24 คนจากทั่วโลกจะมาประชันความเร็วกันเพื่อชิงตำแหน่งที่ทุกคนมุ่งมาดปรารถนา นั่นก็คือ นักแข่ง GT Cup ที่เร็วที่สุดในโลก และในครั้งนี้ แชมป์การแข่งขัน 24 ชั่วโมง เลอม็อง และรองประธานของ TOYOTA GAZOO Racing ยุโรป Kazuki Nakajima ได้มาเป็นผู้ชมในอีเวนต์การแข่งขันครั้งที่สองของรายการแข่งขัน GTWS 2022 ครั้งนี้ (ครั้งแรกคือการชิงชัยใน World Series ณ เมืองซาลซ์บูร์ก ประเทศออสเตรีย) บรรยากาศจึงอบอวลไปด้วยความตื่นเต้น เพราะนักแข่งทุกคนต่างก็กระตือรือร้นที่จะเล่นใหญ่ใส่เต็มเหยียดกันในสุดสัปดาห์ที่รอคอยนี้

การแข่งขันเริ่มต้นด้วยรอบคัดเลือก ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดตำแหน่งการออกตัวในการแข่งขันรอบรองสุดท้ายทั้งสองการแข่งขัน และนักแข่งจะถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ผู้เข้าเส้นชัยสี่อันดับแรกจากรอบรองสุดท้ายจะได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศโดยอัตโนมัติ ส่วนอันดับที่ห้าถึงสิบจะได้รับโอกาสอีกครั้งจากการแข่งขันในรอบแก้ตัว และผู้ที่เข้าเส้นชัยสี่อันดับแรกของรอบแก้ตัวก็จะได้ตีตั๋วสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นรอบที่คะแนนมีค่าเป็นสองเท่า และดังที่คุณคงได้เห็นกันแล้วว่า การแข่งขันนั้นเต็มไปด้วยดราม่าจนทำให้ทุกคนสงสัยว่า หรือนี่คือลางบ่งบอกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในการแข่งขันรอบ World Finals ซึ่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่จะถึง

รอบรองสุดท้ายกลุ่ม A: ไฮสปีด ริง

การแข่งขันรอบรองสุดท้ายทั้งสองรอบนั้นจัดขึ้นที่สนามไฮสปีด ริงซึ่งแข่งกันเมื่อไหร่ก็ระทึกใจเมื่อนั้นเสมอ โดยนักแข่งทั้ง 12 คนจะคาดเข็มขัดรัดตัวเองในโลกเสมือนไว้กับ Toyota GR Supra Racing Concept ซึ่งตกแต่งลวดลายด้วยสีของประเทศตนเอง และในการแข่งขัน 25 แล็ปนี้ มีข้อกำหนดว่าพวกเขาต้องใช้ทั้งยางเนื้อแข็งและยางเนื้ออ่อน ซึ่งก็หมายความว่าจำเป็นต้องเข้าพิตอย่างน้อยหนึ่งครั้ง สำหรับการแข่งขันแรกนั้น ลมกรดเหนือทุกสนาม José Serrano จากสเปน (TDG_JOSETE) ครองตำแหน่งโพลโพซิชัน โดยมีแชมป์ Nations Cup ปี 2018 ชาวบราซิล Igor Fraga (IOF_RACING17) อยู่เป็นอันดับที่ 2 ต่อจากเขา ส่วนแถวที่สองนั้นประกอบด้วยหน้าใหม่จากสหราชอาณาจักร Will Murdoch (WiIIMurdoch) และแชมป์ Nations Cup ปี 2020 Takuma Miyazono of Japan (Kerokkuma_ej20)

แม้นักแข่งส่วนใหญ่ในสนามจะเริ่มการแข่งด้วยยางเนื้อแข็ง แต่ Fraga กับ Miyazono เลือกใช้ยาง Michelin เนื้ออ่อน ซึ่งเป็นแผนที่เห็นได้ชัดเจนว่าต้องการขึ้นนำจากฝูงแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้ทิ้งห่างจนไม่มีใครตามทัน และก็เป็นดังคาด ทันทีที่ไฟเขียวสาดแสง Fraga ก็ออกนำทันทีโดยใช้ข้อได้เปรียบจากแรงเกาะของยางเขา ด้าน Miyazono กับ Murdoch เองก็ทำตามแผนเช่นกัน โดยทิ้ง Serrano ไว้ที่ 4 ตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าโค้งที่สอง เมื่อจบแล็ปแรก Fraga กับ Miyazono ก็อยู่ในอันดับที่หนึ่งและสอง แล้วก็สลับกันใช้ลมส่งท้ายของกันและกันไปอีกหลายแล็ปเพื่อให้ทิ้งห่างจากรถคันอื่นๆ ในสนาม

ซึ่งนั่นหมายความว่าศึกชิงตำแหน่งสำหรับช่วงต้นของการแข่งขันนั้นจะไประอุอยู่ที่กลางฝูงนั่นเอง และศึกสุดเดือดก็ปะทุขึ้นเมื่อ Murdoch, Serrano, Giorgio Mangano จากอิตาลี (Williams_Gio) และมือใหม่ผู้น่าจับตาจากฝรั่งเศส Kylian Drumont (PRiMA_Kylian19) ชิงที่ 3 กันแบบฆ่าได้ฆ่า ทั้งสี่สลับตำแหน่งกันอยู่หลายครั้ง โดยต่างก็ใช้ลมส่งท้ายของกันและกันในทุกโอกาส แต่ระหว่างที่ทำศึกสุดเดือดกันอยู่นั้น Fraga กับ Miyazono ก็นำห่างไป 5.0 วินาทีในแล็ปที่ 7 แล้ว

การพิตครั้งแรกสำหรับสุดสัปดาห์ดังกล่าวเกิดขึ้นในแล็ปที่ 11 โดย Drumont เปลี่ยนจากยางเนื้อแข็งไปเป็นเนื้ออ่อน ส่วนรถอีกฝูงใหญ่ที่มี Serrano กับ Mangano ด้วยเข้าแล็ปตามมาในอีกสองแล็ป เมื่อได้ใช้ยางที่แรงยึดเกาะเหนียวแน่นขึ้น ตอนนี้พวกเขาก็พร้อมออกล่าจ่าฝูงแล้ว Fraga นั้นเข้าพิตตอนจบแล็ป 13 แต่ Miyazono เลือกจะอยู่ในสนามต่อไปอีกแล็ป เขายังพยายามเค้นระยะเอาจากยางเนื้ออ่อนที่สึกหรอแสนสาหัสของตัวเองให้ได้มากที่สุด

เมื่อถึงแล็ปที่ 16 รถทุกคันก็เข้าพิตกันหมดแล้ว อันดับในสนามนั้นนำมาโดย Miyazono กับ Fraga ที่ทิ้งห่างจาก Mangano อยู่ 6.0 วินาที ตามมาด้วย Kanata Kawakami จากญี่ปุ่น (SG_Kawakana) และ Serrano แต่ในเมื่อยังเหลืออีกเก้าแล็ป การนำเท่านั้นจะถือว่าห่างพอแล้วหรือไม่?

คำตอบนั้นเป็นที่ประจักษ์ในแล็ปที่ 20 เมื่อการนำของ Fraga กับ Miyazono นั้นถูกเฉือนลงจนเหลือไม่ถึง 1.5 วินาที จากนั้น ในแล็ปต่อมา Serrano ก็ขึ้นแซง Miyazono ไปได้ที่ทางตรงด้านหน้า ส่วนพอถึงโค้งที่ 2 Mangano ก็ขึ้นแซง Fraga ไป ในขณะที่ Miyazono ขึ้นแซง Serrano ชิงอันดับที่ 2 คืนมาได้

จากนั้นก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ณ ทางตรงสั้นๆ หลังจากโค้งที่ 2 เมื่อ Serrano กระแทกเข้ากับ Miyazono ขณะวิ่งผ่านไปทางด้านนอก นั่นทำให้นักแข่งชาวญี่ปุ่นรถหมุนคว้างจนกระเด็นหลุดจากการแข่งขันไป ส่วน Serrano ก็โดนลงโทษขั้นรุนแรงด้วยการปรับ 3.0 วินาทีในแล็ปสุดท้าย ซึ่งก็ทำให้เขาต้องหลุดจากการแข่งขันไปด้วย

ทั้งหมดนั้นกลายเป็นทางสะดวกให้ Giorgio Mangano วิ่งผ่านธงลายหมากรุกไปอย่างสบายๆ ส่วน Igor Fraga นั้นยังสามารถครองที่ 2 เอาไว้ได้ ทำให้ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ ส่วนผู้ที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 3 ก็คือ Kanata Kawakami โดยมี Will Murdoc ตามมาเป็นอันดับที่ 4

รอบรองสุดท้ายกลุ่ม B: ไฮสปีด ริง

การแข่งขันที่สอง ซึ่งก็จัดขึ้นที่ไฮสปีด ริงโดยใช้รูปแบบเดียวกับรอบรองสุดท้ายกลุ่ม A เช่นกัน ประกอบด้วยมือเก๋าอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งรวมถึง แชมป์ Nations Cup ปี 2021 Valerio Gallo จากอิตาลี (Williams_BRacer) และ Lucas Bonelli จากบราซิล (TGT_BONELLI) ที่อยู่ในตำแหน่งโพลโพซิชัน นอกจากนี้ก็ยังมีชื่ออื่นๆ ที่คุ้นหูกันดี คือ Baptiste Beauvois จากฝรั่งเศส (R8G_TSUTSU) ซึ่งอยู่อันดับ 2 ในขณะที่ Robert Heck จากอเมริกา (Robby--Heck) กับ Adriano Carrazza จากบราซิล (Didico__15) ได้จับจองแถวที่สองเอาไว้ ส่วน Rikuto Kobayashi จากญี่ปุ่น (TX3_tokari71) ที่ออกตัวในอันดับ 11 เป็นคนเดียวที่เริ่มการแข่งขันด้วยยางเนื้ออ่อน และเมื่อใช้ยางเนื้อแข็งกันแทบทั้งสนาม ดังนั้น ศึกชิงการนำย่อมต้องระเบิดขึ้นในทันทีที่เริ่มต้นการแข่งขัน

และเพียงผ่านโค้งแรก ลำดับในสนามก็สลับสับเปลี่ยนกันไปอย่างสิ้นเชิง โดยนักแข่งชาวอินโดนีเซียที่เพิ่งเคยเข้าแข่งขันเป็นครั้งแรก Andika Rama Maulana (LOR_RamStig) ได้ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงไปอย่างน่าประหลาดใจ ตามมาด้วย Beauvois, Bonelli แล้วก็ Heck และที่ทำให้ทุกคนต้องตะลึงก็คือ Gallo นั้นร่วงไปอยู่อันดับสุดท้าย แต่สำหรับเขาแล้วการแข่งขันยังอีกไกลกว่าจะจบ ขณะเดียวกัน Kobayashi ก็ขึ้นไปเป็นที่ 4 ได้ในตอนเริ่มต้นแล็ปที่ 2

และเมื่อรถแข่งวิ่งกันเป็นแถวหน้ากระดานเรียงห้าเพื่อชิงกันขึ้นนำในโค้งที่ 2 ของแล็ปที่สามหายนะก็พลันบังเกิด เมื่อ Heck, Carrazza และ Bonelli ชนกันเข้า จนทำให้รถหลายคันต้องหลุดออกนอกสนาม แถม Carrazza เองก็ต้องตกไปอยู่อันดับสุดท้าย และ Bonelli ก็ตกไปอยู่ที่ 8 ส่วน Heck นั้นลอยตัวไปอย่างไร้รอยขีดข่วย

และนั่นกลายเป็นการส่งให้ Maulana นำไปอย่างเด็ดขาด ในขณะที่ Gallo ฉวยความได้เปรียบจากหายนะดังกล่าวขึ้นไปเป็นที่ 2 ในแล็ปต่อมานั้น ลำดับในสนามแข่งก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อ Dean Heldt (PRiMA_Deano) นักแข่งชาวอเมริกัน ขึ้นนำเป็นจ่าฝูง โดยตามมาด้วย Kobayashi, Beauvois และ Maulana เมื่อถึงแล็ปที่ 5 ในที่สุด Kobayashi ก็ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงได้บ้าง แต่ก็ดังที่เราเห็นกันมาแล้วในการแข่งขันก่อนหน้านี้ เขายังนำห่างไม่พอให้เป็นเบาะรองรับแรงปะทะจากคนอื่นยามตัวเองต้องเปลี่ยนยาง

ในแล็ปที่ 9 Gallo ซึ่งอยู่อันดับที่ 6 เข้าพิตเป็นครั้งแรก และเปลี่ยนยาง Michelin เนื้อแข็งของเขาเป็นเนื้ออ่อน และจากนั้น Heldt กับ Beauvois ก็เข้าพิตบ้างในแล็ปต่อมา เมื่อถึงแล็ปที่ 13 นักแข่งทุกคนก็เข้าพิตหมดแล้ว โดยลำดับในสนามคือ Kobayashi, Beauvois, Maulana, Gallo และ Heldt แต่ตอนนี้ Kobayashi เป็นคนเดียวที่ใช้ยางเนื้อแข็งซึ่งทำความเร็วได้น้อยกว่า

Beauvois ขึ้นแซง Kobayashi ไปในแล็ปที่ 16 และกลายเป็นจ่าฝูง ส่วน Maulana นั้นแซง Kobayashi ไปในแล็ปที่ 18 สองแล็ปต่อมา Heldt ก็แซง Kobayashi ขึ้นไปเป็นที่ 3 ดังนั้น เมื่อเหลืออีกห้าแล็ปเช่นนี้ Kobayashi ก็ต้องป้องกันอันดับที่ 4 ของตนเอาไว้ให้ได้จึงจะสามารถตีตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ทว่า Gallo เองก็กำลังไล่เฆี่ยนสุดหวดมาจากข้างหลัง แล้วนักแข่งชาวอิตาลีก็ขึ้นแซงไปได้ในแล็ปที่ 22 แต่ยางเนื้ออ่อนของเขานั้นก็สึกหมดจนทำให้รถไม่ค่อยนิ่งแล้ว แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นอีกครั้งในแล็ปสุดท้าย เมื่อการชนของ Heldt ทำให้รถหลายคนชนกันครั้งมโหฬารจน Gallo กับ Kobayashi ตกไปอยู่อันดับที่ 7 และที่ 8 ตามลำกับ! นั่นทำให้ลำดับการแข่งขันเปลี่ยนไปเป็นครั้งสุดท้าย และเป็นการส่งมอบชัยชนะให้ Beauvois โดยมี Maulana มาเป็นที่ 2 Bonelli เป็นที่ 3 และ Heck เป็นที่ 4

รอบแก้ตัว: โตเกียวเอ็กซ์เพรสเวย์ - เซาท์

รอบแก้ตัวซึ่งเป็นการแข่งขันของผู้เข้าเส้นชัยอันดับที่ 5 ถึง 10 จากการแข่งขันรอบรองสุดท้ายทั้งสองรอบนั้นประกอบด้วยเหล่านักแข่งมากประสบการณ์จำนวนหนึ่ง โดยมีทั้ง José Serrano ที่อยู่ในตำแหน่งโพลโพซิชัน, Takuma Miyazono และ Valerio Gallo โดยผู้ที่เข้าเส้นชัยได้เป็นสี่อันดับแรกในการแข่งห้อเต็มเหยียด
12 แล็ปนี้จะได้เป็นผู้เข้าแข่งขันชุดสุดท้ายที่ได้ไปต่อในรอบชิงชนะเลิศ ทั้งนี้ ในการแข่งขันนี้ นักแข่งจะต้องขับรถแข่ง Dallara SF19 Super Formula มาวัดกันบนสนามแข่งโตเกียวเอ็กซ์เพรสเวย์ ซึ่งจะก่อเกิดเป็นภาพเหนือจริงเมื่อได้เห็นรถแข่งวิ่งด้วยความเร็วถึง 320 กม./ชม. บนถนนแคบๆ ของกรุงโตเดียว ดราม่านั้นเริ่มต้นตั้งแต่ไฟเขียวยังไม่ทันสาดแสงเสียอีก เมื่อ Heldt ออกตัวจากหยุดนิ่งแล้วแต่ Gallo กับติดแหง็กอยู่ที่เส้นออกตัวเพราะรถมีปัญหาทางเทคนิค ทำให้เขาต้องออกจากการแข่งขันไปทั้งที่ยังไม่ได้เริ่ม ส่วน Miyazono กับนักแข่งชาวฝรั่งเศส Thomas Labouteley (Aphel-ion) ฉวยความได้เปรียบจากเรื่องวุ่นวายดังกล่าวขึ้นไปอยู่ด้านหน้าของสนาม

อันดับในสนามนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาอยู่หลายครั้งในช่วงครึ่งแรกของการแข่งขัน เพราะรถแต่ละคันล้วนจัดหนักเพื่อชิงตำแหน่งกัน ด้วยต่างก็หวังจะเข้าเส้นชัยเป็นสี่อันดับแรกจะได้ตีตั๋วไปรอบชิงชนะเลิศ และเมื่อการแข่งขันดำเนินไปได้ครึ่งทาง Rikuto Kobayashi ก็เป็นผู้นำในสนาม ตามมาด้วย Kylian Drumont, Takuma Sasaki (LG-TakuAn_) จากญี่ปุ่น และ Marco Busnelli (TDG_MARKUS) จากอิตาลี แต่การผลัดกันแซงนั้นก็ยังดำเนินต่อไปไม่หยุดหย่อน เพราะทุกคนต่างก็ใช้ลมส่งท้ายของกันและกันในทางตรง โดยที่รถในเจ็ดอันดับแรกนั้นแต่ละคันทิ้งห่างกันไม่ถึงหนึ่งวินาที

เมื่อสิ้นสุดแล็ปที่ 7 Labouteley ก็กระแทก Sasaki จากข้างหลัง ทำให้ Sasaki ไปชนกับ Serrano และ Kobayashi จนเกิดความพินาศต่อเนื่องที่ส่ง Serrano ลงไปอยู่อันดับที่ 9 และหลุดจากการแข่งขันไป ส่วน Sasaki นั้นยังคงอยู่ในอันดับที่ 4 ในขณะที่ Kobayashi ที่หลีกเลี่ยงหายนะมาได้นั้นยังคงสามารถรักษารถของตัวเองไว้ในอันดับที่ 6 ด้าน Drumont นั้นขึ้นแซงเอาที่ 1 มาได้ ตามมาด้วย Heldt และ Busnelli

การแข่งขันจบลงด้วยการที่ Drumont สามารถเอาตัวรอดจากแรงเกรี้ยวกราดของ Heldt ที่พุ่งใส่ในวินาทีสุดท้ายจนผ่านธงลายหมากรุกไปได้ และนั่นทำให้เขา พร้อมด้วย Heldt, Sasaki แล้วก็ Busnelli เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไป

รอบชิงชนะเลิศ: ฟูจิ อินเตอร์เนชันแนล สปีดเวย์

ผลงานอันยอดเยี่ยมในรอบรองสุดท้ายทำให้ Giorgio Mangano ได้เริ่มการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศที่ตำแหน่งโพลโพซิชัน โดยมี Baptiste Beauvois แชมป์รอบรองสุดท้ายของอีกการแข่งขันต่อคิวเป็นอันดับที่ 2 ส่วนที่จับจองแถวสองกันนั้นก็คือ Igor Fraga และนักแข่งผู้สร้างเซอร์ไพรส์ประจำวัน Andika Rama Maulana สถานที่จัดการแข่งขันในครั้งนี้คือฟูจิ อินเตอร์เนชันแนล สปีดเวย์ สนามแข่งในประวัติศาสตร์ที่มาพร้อมข้อกำหนดว่า ในการแข่งขันตลอด 30 แล็ปด้วย 2021 Toyota GR010 HYBRID นี้ ผู้เล่นต้องใช้ยางครบทั้งสามประเภท (เนื้ออ่อน เนื้อปานกลาง และเนื้อแข็ง) และในเมื่อคะแนนในรอบชิงชนะเลิศนี้มากเป็นสองเท่าของปกติ ความเสี่ยงจึงแทรกซึมอยู่ในทุกอณูของการแข่งขัน

ที่นักแข่งส่วนใหญ่เริ่มต้นด้วยยางเนื้อปานกลาง ในขณะที่ Fraga กับ Dean Heldt เลือกออกตัวด้วยยาง Michelin เนื้ออ่อน นี่เป็นแผนที่นักแข่งชาวบราซิลผู้นี้คุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ทำให้ประสบความสำเร็จมากพอจะชนะในรอบรองสุดท้าย เขาจึงตั้งใจจะแก้ตัวใหม่ในรอบนี้

จ่าฝูงผ่านโค้งที่ 1 ไปอย่างสวยงาม แต่ที่ด้านหลังของสนามนั้น ดราม่าได้ปรากฏขึ้นเมื่อ Kanata Kawakami หลุดออกจากสนามไป และ Dean Heldt ก็ได้ประโยชน์จากการนั้นโดนขึ้นจากอันดับที่ 12 ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 4 ในพริบตา ส่วน Maulana นั้นก็เช่นเดียวกับ Valerio Gallo ก่อนหน้านี้ คือประสบปัญหาทางเทคนิคจนแม้แต่จะเคลื่อนจากเส้นออกตัวยังทำไม่ได้ เส้นทางสู่การแข่งขันชิงแชมป์ของเขาในวันนี้จึงต้องสิ้นสุดลง ซึ่งนี่เป็นจุดจบอันน่าเจ็บปวดในพัฒนาการของนักแข่งชาวอินโดนีเซียผู้นี้ เพราะเขาทำความเร็วมาได้อย่างน่าทึ่งและแลดูมีอนาคตไกลมาจากในการแข่งขันก่อนหน้า

เมื่อกลับเข้าสู่สนาม Fraga ก็แซง Mangano ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงได้ในโค้งสุดท้ายของแล็ปที่ 1 ตอนนี้จึงได้เวลาที่เขาจะต้องเฆี่ยนเต็มหวดเพื่อทิ้งห่างจากฝูงโดยใช้ข้อได้เปรียบจากยางที่ยึดเกาะพื้นสนามได้เหนียวกว่าของเขาแล้ว คราวนี้แผนของเขาจะสำเร็จหรือไม่? ไม่เร็วก็ช้าเราจะได้รู้กัน ในแล็ปที่ 2 นั้น Heldt ได้ขึ้นมาเป็นที่ 2 แผนการใช้ยางของเขาประสบผลสำเร็จเกิดกว่าที่ตนคาดไปมากทีเดียว

ท่ามกลางทิวทัศน์ตระการตาที่มีภูเขาฟูจิเป็นฉากหลัง รถแข่ง GR010 ทำความเร็วถึง 330 กม./ชม. ที่ทางตรงด้านหน้า Fraga เริ่มทิ้งห่างจากฝูงไปในแล็ป 5 ซึ่งเป็นแล็ปชี้ชะตา ในขณะที่ Mangano, Beauvois และ Lucas Bonelli นั้นกำลังไขว่คว้าแย่งอันดับที่ 2 กันอยู่ ศึกอันดำเนินต่อเนื่องนั้นทำให้ Fraga นำห่างมากขึ้นไปอีก จนพอถึงแล็ปที่ 8 เขาก็นำไปมหาศาลถึง 12 วินาที Fraga เข้าพิตในตอนจบแล็ปที่ 9 โดยเปลี่ยนไปใช้ยางเนื้อปานกลางแล้วกลับสู่อันดับที่ 3 ในสนามโดยตามหลัง Beauvois กับ Mangano ที่ยังไม่ได้เข้าพิต

เมื่อจ่าฝูงทั้งสองเข้าพิตในแล็ปที่ 12 การแข่งขันก็อยู่ในกำมือของ Fraga โดยสิ้นเชิง เพราะเขาทิ้งห่างไปอย่างสบายๆ ถึง 19.0 วินาที ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ความเร็วของเขาบนยางเนื้อปานกลางนั้นแทบไม่ได้ตกลงเลย ขณะเดียว Bonelli ที่โชคร้ายหลุดออกนอกสนามมาก่อนหน้านี้ ก็กลับมารวมกลุ่มแล้วขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 2 เหนือ Beauvois กับ Mangano ได้ ส่วน Kylian Drumont กับ Takuma Sasaki นั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวบ้างแล้วเมื่อขึ้นไปอยู่ที่ 4 และที่ 5

เมื่อการแข่งขันดำเนินมาถึงครึ่งทาง ตอนนี้ก็เป็นการแข่งขันเพื่อชิงที่ 2 กันแล้ว เพราะ Fraga นำห่างไปอีกจนถึง 20 วินาที ถ้าเขาไม่ทำพลาดครั้งใหญ่ การแข่งขันในตอนนี้ก็คงเป็นไปเพื่อชิงที่ 2 โดยผู้ที่หมายตาอยู่ก็คือ Bonelli, Drumont, Beauvois, Sasaki และ Will Murdoch

หลังจากที่นักแข่งทุกคนเข้าพิตครั้งที่สองในแล็ป 23 กันหมดแล้ว Fraga ก็เป็นผู้นำในสนามโดยยังรักษาการนำห่างที่ 14.7 วินาทีไว้ และที่ตามมาก็คือ Bonelli, Drumont กับ Murdoch และแม้จะใช้ยางเนื้อแข็ง แต่ก็ไม่มีผู้ใดไล่ตามนักแข่งชาวบราซิลผู้นี้ได้ทัน และเขาก็ลอยลำผ่านธงตาหมากรุกไปคนเดียวสบายๆ ด้าน Kylian Drumont ที่ได้ที่ 2 ก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนประจักษ์แล้วว่าชัยชนะของเขาจากการชิงชัยใน World Series นั้นไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย ส่วน Takuma Sasaki ก็ห้อหนักในช่วงท้ายของการแข่งขันจนคว้าตำแหน่งสุดท้ายบนโพเดียมมาได้ แต่ไม่ว่าผลงานของพวกเขาจะน่าประทับใจแค่ไหน นี่ก็เป็นวันของ Fraga ผู้เป็นเจ้าสนามในรอบชิงชนะเลิศอย่างไม่อาจมีผู้ใดทาบรัศมีได้

Fraga กล่าวหลังการแข่งขันว่า “ผมอยากทิ้งห่างจากฝูงให้เร็วที่สุดครับ เลยเริ่มด้วยยางเนื้ออ่อน แล้วรถข้างหลังก็สู้กันหนักมากแต่ต้น ทำให้ผมทิ้งห่างไปได้มากเลย ผมดีใจมากๆ เลยครับที่ชนะและทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่ต้องการจนจบ”

Toyota Gazoo Racing GT Cup 2022 - รอบชิงชนะเลิศ
ผล