Please select your country / region

มอนติคาร์โล โมนาโก (24 พฤศจิกายน 2019) – FIA Gran Turismo Championship ปิดฉากลงวันนี้ที่ Sporting Monte Carlo Complex ในโมนาโก ด้วยอีเวนต์หลักของสุดสัปดาห์นี้ที่ใครๆ ต่างเฝ้ารอ นั่นคือรอบสุดท้ายของ Nations Cup เมื่อ Igor Fraga แชมป์เก่าไม่ได้ลงแข่ง นักแข่งคนโปรดของแฟนๆ ที่คว้าถ้วย FIA GT อันเป็นที่น่าปรารถนา (สร้างตามประติมากรรม “Unique Forms of Continuity in Space” ของ Umberto Boccioni) คือ Mikail Hizal จากเยอรมนีที่แสดงความเร็วอันโดดเด่นตลอดสุดสัปดาห์นี้และดูยากที่จะเอาชนะได้ แต่ Cody Nikola Latkovski จากออสเตรเลีย และ Takuma Miyazono จากญี่ปุ่นก็ตั้งใจจะพิสูจน์ว่าทุกคนคิดผิด

รอบคัดเลือกทั่วไปในวันศุกร์คัดนักแข่ง 36 คน จาก 18 ภูมิภาค/ประเทศ ให้เหลือเพียง 12 คน จากนั้นนักแข่งเหล่านี้ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ในวันอาทิตย์ด้วยการแข่งคัดเลือก ตามด้วยการแข่ง 4 รอบ Max Verstappen ดาวดังจาก Formula 1 เข้าชมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย และ Hizel ส่งสารที่ชัดแจ้งให้คนอื่นๆ เห็นว่าเขาไม่ได้มาเล่นๆ ด้วยการทำเวลาของรอบสนามได้ดีที่สุดในออโต้โดรโม่ นาเซียวนาเล่ มอนซ่า และได้โพลในการแข่งที่หนึ่ง Miyazono ตามเขามาติดๆ และ Baptiste Beauvois จากฝรั่งเศสเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 3 Latkovski ไม่อาจตั้งหลักในสนามได้ และเข้าเส้นชัยเป็นที่ 5 ตอนนี้ได้เวลาที่ผู้เข้าแข่งขันจะประชันกันแบบล้อเทียบล้อ และสะสมคะแนนให้ได้มากที่สุดในการแข่งอุ่นเครื่อง 3 รอบ และรักษาแรงผลักดันนี้ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ เมื่อคะแนนเข้าเส้นชัยจะมากขึ้นสองเท่า

Nations Cup รอบสุดท้าย การแข่งที่ 1

นี่เป็นการแข่ง 12 รอบสนามอันเข้มข้น โดยรถแข่ง Motul Autech Nissan GT-R Super GT ในการแข่งที่หนึ่ง สถานที่จัดการแข่งขันคือ ออโต้โดรโม่ นาเซียวนาเล่ มอนซ่า สนามแข่งที่เร็วและมีโอกาสให้ขึ้นแซงกันเพียงน้อยนิด การใช้สลิปสตรีมจะเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในสนามแห่งนี้ ทำให้คนที่ขึ้นนำต้องคอยดูกระจกมองหลังบ่อยๆ

หลังความสำเร็จในรอบรองสุดท้ายเมื่อวันศุกร์ที่ทำให้คู่แข่งตัวฉกาจต้องออกจากการแข่งขันไปตั้งแต่เนิ่นๆ (Igor Fraga จากบราซิล) Mikail Hizal จากเยอรมนีอยู่ที่โพลโพสิชั่น การแข่งขันนี้กำหนดให้ใช้ยางทั้งแบบปานกลางและแบบแข็ง และนักแข่ง 4 อันดับแรกบนเส้นออกตัว Hizal, Baptiste Beauvois จากฝรั่งเศส Takuma Miyazono จากญี่ปุ่น และ Patrik Blazsán จากฮังการีเลือกที่จะเริ่มด้วยยาง Michelin แบบที่อ่อนกว่า โดยหวังจะขึ้นนำให้ได้ก่อนสลับใช้ยางแบบแข็ง

เมื่อธงสีเขียวโบกสะบัด Hizal ก็ขึ้นนำคนอื่นๆ ทันที ในทางกลับกัน Beauvois กลับทำพลาดตั้งแต่แรกเริ่ม และถูกลงโทษ 0.5 วินาที ทำให้ Miyazono ขึ้นเป็นที่ 2 ได้ Blazsán แซงนักแข่งชาวฝรั่งเศสขึ้นเป็นอันดับ 3 ขณะที่คนอื่นๆ ในสนามรถแข่งที่ใช้ยางแบบแข็งถูกทิ้งห่าง

เมื่อนักแข่ง 3 อันดับแรกอย่าง Hizal, Miyazono และ Blazsán เริ่มรักษาจังหวะได้ Miyazono ก็ตกที่นั่งลำบากขณะพยายามแซงหน้า Hizal และป้องกัน Blazsán ที่ขับอย่างดุดันอยู่ด้านหลัง Blazsán แกล้งทำเป็นจะแซงอยู่เรื่องๆ เพื่อให้ Miyazono ละสายตาจากถนน ทำลายสมาธิเขา และทำให้ Hizal ขึ้นนำได้เพิ่มขึ้นครั้งละเศษเสี้ยววินาทีในทุกๆ โค้ง

เมื่อถึงรอบสนามที่ 7 หลังทิ้งระยะห่างได้พอสมควร กลุ่มจ่าฝูงที่นำโดย Hizal ก็เข้าพิทเพื่อเปลี่ยนเป็นยางแบบแข็ง ในขณะเดียวกัน Coque López จากสเปนที่กลับมาได้อย่างยิ่งใหญ่ในรอบแก้ตัวเมื่อวันศุกร์ก็ขึ้นแซงที่โค้ง 1 ได้สำเร็จ ทำให้ Jonathan Wong จากฮ่องกงต้องขับเข้าพื้นกรวด ส่งผลให้ Cody Nikola Latkovski จากออสเตรเลียแซงได้ด้วยเช่นกัน

ในรอบสนามที่ 8 Wong และนักแข่งชาวอิตาลี 2 คน Giorgio Mangano กับ Salvatore Maraglino ขับเคี่ยวกันในศึก 3 ทางที่ทำให้ Maraglino ตกไปอยู่อันดับ 7 ที่น่าแปลกใจคือ Rayan Derrouiche จากฝรั่งเศสตกไปอยู่อันดับที่ 12 และคงอยู่ในตำแหน่งนั้นเนื่องจากถูกลงโทษหลายครั้ง

เมื่อเหลืออีกเพียง 3 รอบสนาม ในรอบสนามที่ 9 Miyazono ไล่กวด Hizal โดยพวกเขาห่างกันเพียง 0.37 วินาทีเท่านั้น ในรอบสนามที่ 10 นักแข่งชาวญี่ปุ่นพยายามใช้ประโยชน์จากกระแสลมของ Hizal และนักแข่งชาวเยอรมันก็ป้องกันเอาไว้ได้ แล้วจู่ๆ Blazsán ก็ตามจี้ Miyazono มาติดๆ เมื่อถึงรอบสนามสุดท้าย ทั้งสามห่างกันเพียงชั่ววินาที และแม้ว่า Blazsán จะพยายามสะบัดให้หลุด Miyazono ก็ยังรักษาตำแหน่งและเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 2 ได้ Hizal ลอยลำเข้าสู่ชัยชนะ ขณะที่ Beauvois ยอมเสี่ยงจากวงนอกที่โค้งสุดท้ายของการแข่ง (โค้ง Parabolica) และขโมยอันดับ 3 ไปจากนักแข่งชาวฮังการีได้ในที่สุด ตอนนั้นไม่มีใครรู้เลยว่าต่อมา Blazsán จะได้เอาคืนนักแข่งชาวฝรั่งเศสที่ขโมยตำแหน่งของเขาไป

Nations Cup รอบสุดท้าย การแข่งที่ 2

ความสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญของการแข่งที่ 2 ใน Nations Cup รอบสุดท้าย สถานที่จัดการแข่งขันคือ เซอร์กิต เดอ สปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์ ที่ฝนตก ผู้เข้าแข่งขันเล่นอย่างระมัดระวังด้วยรถ Toyota Dallara SF19 Super Formula รถแข่งเปิดล้ออันทรงพลังที่มีกำลังถึง 542 แรงม้าในการขับขี่แบบธรรมดามีการติดตั้งโหมดแซงที่จะเค้นแรงม้าจากเครื่องยนต์ Toyota เทอร์โบชาร์จเพิ่มขึ้นอีก 80 แรงม้า แต่ก็ไม่มีใครกล้าใช้โหมดนี้บนถนนที่ลื่น

ณ โพลโพสิชั่น Mikail Hizal ชาวเยอรมันทิ้งห่างจากฝูงได้ตั้งแต่ออกตัวอีกครั้ง เมื่อไม่มีใครขวางทาง และที่อาจจะสำคัญกว่านั้นคือไม่มีละอองฝนมาบังทัศนียภาพ Hizal ซิ่งเหมือนชายที่ถูกผีสิงในการแข่ง 8 รอบสนามอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ จนทำความเร็วได้สูงถึง 300 กม./ชม. ในช่วงทางตรงหน้าสนามแม้จะมีฝนตก

เมื่อถึงสองสามรอบสนามสุดท้ายของการแข่ง เขาก็นำที่สองอย่าง Takuma Miyazono จากญี่ปุ่นอยู่ 5 วินาที Hazal สามารถผ่อนแรงได้ไม่ยาก เพราะการยึดเกาะถนนของรถแข่ง SF19 นั้นน่าเป็นห่วงบนถนนเปียก แต่เขาก็ยังเร่งความเร็วต่อไป ทิ้งห่างจากฝูงมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกรอบสนาม

Miyazono รักษาอันดับที่ 2 ได้ตลอดการแข่งขัน ส่วน Baptiste Beauvois ก็รักษาอันดับ 3 ได้อย่างต่อเนื่อง Patrik Blazsán ชาวฮังการีตามมาเป็นที่ 4 ขณะที่คนโปรดของผู้ชมอย่าง Cody Nikola Latkovski จากออสเตรเลียได้อันดับที่ 5 ในสภาพแวดล้อมที่อันตรายแบบนี้ นักแข่งทุกคนต่างระมัดระวังถึงขีดสุด เพราะทุกคนยังรักษาอันดับเดิมเอาไว้ได้ในการแข่งขันรอบที่ 2 ของ Nations Cup รอบชิงแชมป์โลก

Nations Cup รอบสุดท้าย การแข่งที่ 3

การแข่งขัน Nations Cup รอบรองสุดท้ายของปี 2019 เต็มไปด้วยความมันส์อย่างต่อเนื่อง ณ เซอร์กิต เดอ ลา ซาร์ต อันเป็นสถานที่จัด 24 ชั่วโมง เลอม็องในตำนาน ซึ่งก็เหมาะที่ราชรถของการแข่งคือ Mazda LM55 Gran Turismo ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ที่ได้แรงบันดาลใจจากชัยชนะในปี 1991 อันโด่งดังของ Mazda ในสถานที่เดียวกันนี้ ซึ่ง 787B ก็ยังคงเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์โรตารีรุ่นเดียวที่เคยชนะการแข่งความอดทนสุดสาหัส

การแข่งที่ 3 ของ 2019 Nations Cup รอบสุดท้ายกำหนดให้ใช้ยางทั้งแบบปานกลางและแบบแข็ง และหยุดเติมน้ำมันได้ 1 ครั้งในการต่อสู้ 6 รอบสนาม ทุกคนเริ่มจากยางแบบแข็ง ยกเว้น Patrik Blazsán ชาวฮังการีที่หวังว่าจะขึ้นนำได้แต่เนิ่นๆ ระหว่างที่คนอื่นเข้าพิท ทันทีที่ปล่อยธงเขียว ทุกอย่างก็หยุดไม่อยู่เมื่อ Takuma Miyazono จากญี่ปุ่นแซงจ่าฝูง Mikail Hizal จากเยอรมนีในโค้งช่วงแรก แต่ก็เป็นแบบนั้นได้ไม่นาน เมื่อ Hizal กลับมาขึ้นนำโดยใช้สลิปสตรีม ณ ทางตรงมุลซานน์ความเร็วสูง

Baptiste Beauvois จากฝรั่งเศสเข้าร่วมวงในช่วงท้ายทางตรง แซงหน้าทั้ง Hizal และ Miyazono แต่ Hizal มีไลน์และความเร็วในการออกจากโค้งที่ดีกว่า จึงกลับมาขึ้นนำได้อีกครั้ง Miyazono กับ Beauvois จึงแข่งกันชิงอันดับที่ 2 เมื่อนักแข่งจากญี่ปุ่นเกิดเล่นอย่างดุดันเกินไป และผลักนักแข่งจากฝรั่งเศสออกนอกสนาม ทำให้เขาถูกลงโทษอย่างหนักนาน 4 วินาที ส่งผลให้ Miyazono ตกไปอยู่ท้ายแถวในที่สุด นั่นเป็นความผิดพลาดที่เขาไม่มีวันแก้ไขได้ ทั้งหมดนี้ทำให้ Cody Nikola Latkovski จากออสเตรเลียสบช่องคว้าอันดับที่ 2... และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในรอบสนามแรกเท่านั้น

ในรอบสนามที่ 2 Coque López จากสเปน เจ้าของทรงผมที่ใครๆ ต่างเลื่องลือก็พุ่งเข้ามาอยู่อันดับที่ 2 จากจุดออกตัวในอันดับที่ 6 ได้ ในช่วงท้ายของรอบสนาม ทุกคนนอกจาก Blazsán เข้าพิทเพื่อเปลี่ยนไปใช้ยางแบบปานกลาง น่าเสียดายที่กลยุทธ์ในการอยู่ในสนามให้นานกว่าคนอื่นของชาวฮังการีไม่ได้ผล เนื่องจากเขายังขึ้นนำได้ไม่มากพอ หลังเปลี่ยนเป็นยางแบบแข็ง เขาก็ออกจากพิทมาเป็นที่ 4 อย่างน่าผิดหวัง

ในขณะเดียวกัน López ถูกลงโทษ ทำให้ Latkovski ผ่านทางตรงมุลซานน์ไปได้ และชิงอันดับ 2 คืนมาได้ ในรอบสนามสุดท้าย Latkovski กับ López ตีคู่กันไปอย่างสูสี สลับตำแหน่งกันหลายครั้ง ทำให้ Hizal ลอยลำเข้าเส้นชัยได้สบายๆ

ด้วยชัยชนะ 3 ครั้งในการแข่ง 3 รอบ เหลือแค่การคว้าตำแหน่งแชมป์โลกเท่านั้นสำหรับนักแข่งชาวเยอรมันผู้นี้ Miyazono แสดงจิตวิญญาณในการต่อสู้อย่างไม่ลดละโดยการไต่อันดับขึ้นมาเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 7 ดังนั้นจึงรักษาตำแหน่งที่ 2 เอาไว้ได้ การเอาชนะ Beauvois ทำให้ Latkovski รักษาอันดับ 3 เอาไว้ได้ ขณะที่ López เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 5 เท่านี้เวทีสำหรับรอบชิงชนะเลิศก็พร้อมแล้ว

Nations Cup รอบชิงชนะเลิศ

สถานที่จัดการแข่งขันสำหรับการแข่งรอบสุดท้ายของ FIA GT Championships 2019 คือ ออโต้โดรโม่ เดอ อินเตอร์ลากอส ในบราซิล โดยนักแข่งจะใช้รถจากการแข่งขัน Red Bull X2019 ในการแข่งขันชี้ชะตา 22 รอบสนามเพื่อหาผู้ชนะ World Finals 2019 ต่างจากการแข่งขัน 3 ครั้งก่อนหน้านี้ การแข่งขันครั้งนี้กำหนดให้นักแข่งใช้ยางทั้ง 3 ชนิดอย่างน้อย 6 รอบสนาม ซึ่งหมายถึงการหยุดเข้าพิทอย่างน้อย 2 รอบ นักแข่งส่วนใหญ่ในอันดับต้นๆ เลือกที่จะเริ่มการแข่งด้วยยาง Michelin แบบปานกลาง ยกเว้นผู้ครองโพลโพสิชั่น Hizal ที่เริ่มด้วยยางแบบอ่อน เห็นได้ชัดว่าเขาอยากทิ้งห่างนักแข่งคนอื่นๆ ให้ไว และขึ้นนำให้มากพอที่จะนำเขาไปสู่เส้นชัย

ธงเขียวโบกสะบัดเมื่อ Hizal ขึ้นนำฝูงผ่านโค้งแรก Daniel Solis จากสหรัฐอเมริกาที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนถึงตอนนี้น่าจะเป็นเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ที่สุดของสุดสัปดาห์นี้ เขาไม่เสียเวลารอช้า และใช้ประโยชน์จากยางแบบอ่อนในการไต่อันดับจากอันดับที่ 8 ขึ้นมาถึงอันดับที่ 3 ภายในเวลา 3 รอบสนาม เมื่อถึงรอบสนามที่ 4 แผนการของ Hizal ก็ไปได้สวย เพราะเขาทิ้งห่างคนอื่นๆ อยู่ 4 วินาที

สิ่งที่เกิดขึ้นในสองสามรอบสนามต่อจากนี้คือการแข่งอันดุเดือด เมื่อรถทุกคนเร่งความเร็วจนถึง 300 กม./ชม. ทั้งบนทางตรงด้านหน้าและด้านหลัง Baptiste Beauvois (ฝรั่งเศส) และ Takuma Miyazono (ญี่ปุ่น) เร่งแซง Coque López จากสเปนเพื่อรั้งอันดับ 4 และ 5 ตามลำดับ ขณะที่ Solis ไล่ตาม Cody Nikola Latkovski เพื่อชิงอันดับ 2

นักแข่งกลุ่มกลางๆ ส่วนใหญ่เข้าพิทกันในรอบสนามที่ 8 แต่ Hizal กับ Solis ยังคงซิ่งต่อไป เพราะอยากทำรอบสนามให้ได้มากที่สุดขณะใช้ยางแบบอ่อน ซึ่งเร็วกว่ายางแบบปานกลางรอบสนามละประมาณ 1 วินาที Latkovski เลือกที่จะเก็บยางแบบอ่อนไว้ใช้ในช่วงท้าย ขณะที่ Miyazono และ Beauvois ทุ่มสุดตัวในการไล่ตาม Hizal ซึ่งเข้าพิทในรอบสนามต่อมา แล้วเปลี่ยนไปใช้ยางแบบปานกลาง

อีก 2 รอบสนามต่อมา Beauvois ที่ใช้ยางที่เร็วกว่าก็ตามติด Solis ที่เปลี่ยนไปใช้ยางแบบปานกลาง และขึ้นแซงได้ที่โค้ง Arquibancada ความเร็วสูง Miyazono ที่ตั้งใจจะขึ้นแท่นรับรางวัล World Finals ให้ได้ตามไปติดๆ แซง Solis ที่โค้ง 4 และคว้าอันดับ 3 มาได้ สูงขึ้นมา 4 อันดับจากจุดออกตัว ในขณะเดียวกับ Latkovski ก็เสียท่าอย่างรวดเร็วเมื่อใช้ยางแบบแข็ง จนตกไปอยู่อันดับที่ 7 ในที่สุด

นักแข่งหลายคนเข้าพิทครั้งสุดท้ายในรอบสนามที่ 13 และคนที่เก็บยางแบบอ่อนไว้ใช้ในช่วงสุดท้ายก็ไม่เสียเวลาที่จะลงมือ Jonathan Wong จากฮ่องกงแซง Solis ขึ้นมาเป็นที่ 5 ขณะที่ Latkovski เร่งความเร็วแซง Miyazono กับ Beauvois มาคว้าอันดับที่ 2 คำถามก็คือ นักแข่งชาวออสเตรเลียมีรอบสนามเหลือมากพอให้ตามทัน Hizal ที่ถึงตอนนี้ทิ้งห่างอยู่ 8 วินาทีแล้วหรือไม่?

Miyazono สู้ตาย เพราะการเข้าเส้นชัยเป็นที่ 3 นอกจากจะเป็นการขึ้นแท่นรับรางวัลการแข่งรถแล้ว ยังเป็นแท่นรับรางวัลสำหรับ World Finals ด้วย แต่กลยุทธ์การเก็บยางแบบแข็งไว้ใช้ท้ายสุดดูจะให้ผลตรงกันข้ามกับที่หวังไว้ เมื่อ Beauvois ที่ต้องการขึ้นแท่นรับรางวัลจากการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 3 เหมือนกัน ตามประกบนักแข่งชาวญี่ปุ่นในรอบสนามสุดท้าย จากนั้น Patrik Blazsán ชาวฮังการีที่ใช้ยาง Michelin แบบอ่อนกลับโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ แซงนักแข่งชาวฝรั่งเศสในโค้งที่ 9 ทำให้ Beauvois ตกไปอยู่อันดับ 4 และกระเด็นออกจากแท่นรับรางวัล ทำให้เกียรตินั้นตกเป็นของ Miyazono Blazsán ได้แก้แค้นสำหรับการแข่งรอบแรกของวันแล้ว (Miyazono น่าจะพานักแข่งชาวฮังการีไปเลี้ยงซูชิหลังจากได้รับของขวัญชิ้นใหญ่นี้)

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือ Hizal ที่เป็นจ่าฝูงใน World Finals อย่างแท้จริง ขึ้นแซงทุกคนเกือบทุกรอบสนาม และทำคะแนนได้ 66 แต้ม สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และห่างจาก Latkovski ที่ได้อันดับ 2 อยู่ 18 คะแนน ทั้งนี้ แม้ Latkovski จะไม่ได้แสดงฟอร์มที่ดีที่สุด แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่าทำไมเขาถึงจัดเป็นหนึ่งในเซียนเกมแข่งรถที่เก่งที่สุดคนหนึ่ง

Hizal คนเท่ตลอดกาลกล่าวหลังรับถ้วย Nations Cup ว่า: “บอกตามตรงว่าผมรู้สึกโล่งอก เพราะนี่อาจเป็น World Finals ครั้งสุดท้ายของผม เผื่อว่าผมจะไม่กลับมาแข่งเพราะติดเรียน ผมจึงอยากทำให้เต็มที่ในปีนี้ วันนี้ผมกังวลมาก ผมไม่อยากทำพลาดเลย แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดีมากๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย นี่คือเป้าหมายหลักสำหรับผมในปีนี้ และตอนนี้ผมก็ทำสำเร็จแล้ว ผมมีความสุขมากครับ”

ตามด้วยรองชนะเลิศ Latkovski: “ผมพอใจกับผลการแข่งขันมากครับ รอบคัดเลือกของผมไม่เป็นไปอย่างที่ผมต้องการ แต่ผมก็เล่นอย่างระมัดระวังและเล่นอย่างฉลาด ผมรู้สึกเหมือนตัดสินใจถูกทุกอย่าง และทำได้อย่างสะอาดหมดจด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ น่าเสียดายที่ผมตาม Mik (Hizal) ไม่ทัน แต่นี่เป็นปีของเขาเลย ผมแข่งกับเขามาตั้งแต่ปี 2013 และเขาเป็นชายที่เจ๋งมากๆ และเป็นนักแข่งที่เจ๋งมากๆ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นเพื่อนเขา”

ที่สุดท้ายบนแท่นรับรางวัลตกเป็นของ Miyazono ที่กล่าวหลังการแข่งขันว่า: “ผมดีใจมากที่ผมได้มาอยู่บนเวทีนี้ในตอนนี้ แต่ผมก็ผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ Sarthe ตอนที่ผมทำลายโอกาสของตัวเอง ผมยังคิดว่าผมต้องเร็วกว่านี้เพื่อที่จะประสบความสำเร็จ และผมต้องเรียนรู้ว่าเมื่อไหร่ต้องถอย เมื่อไหร่ต้องโจมตีในระหว่างการต่อสู้ ผมจะพัฒนาจุดนี้และกลับมาใหม่ในฐานะนักแข่งที่เก่งขึ้นในปีหน้า”