Please select your country / region

กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา (25 สิงหาคม 2019) – ความตื่นเต้นได้เปล่งประกายอยู่ในรอบสุดท้ายของการแข่งขัน 'World Tour 2019 – นิวยอร์ก' ซึ่งเป็นการแข่งขันนัดที่ 3 จาก 5 นัดของ FIA Gran Turismo Championships 2019 Series ที่นักแข่ง Gran Turismo ผู้เก่งฉกาจที่สุด 46 คนจาก 19 ประเทศทั่วโลก จะมาแข่งขันกันเพื่อชิงโอกาสเข้าแข่งขัน World Finals ซึ่งจะจัดแข่งที่กรุงโมนาโคในเดือนพฤศจิกายน ในการแข่งขันวันสุดท้ายของงาน จะเป็นการนำเสนอ Nations Cup ที่จะไม่เหมือนกับการแข่งขัน Manufacturer Series ในวันที่ผ่านมา เพราะว่านักแข่งจะลงแข่งขันในนามของประเทศตัวเอง เพื่อชิงชัยชนะให้แก่ตัวเองและประเทศชาติ

การแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้นด้วยรอบคัดเลือก ที่นักแข่งตัวเก็งจะงัดฝีมือของตนเองออกมาแสดงให้เห็นกัน Mikail Hizal (เยอรมนี) ได้ทำเวลารอบสนามอย่างร้อนแรงจากการขับครั้งที่ 2 ที่ สปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์ ซึ่งเป็นสนามแข่งที่ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาก่อนใน Gran Turismo Sport โดยเขาได้ขับรถแข่ง Red Bull X2019 ยึดลำดับที่ 1 ของ รอบรองสุดท้ายกลุ่ม A ไปครอง ส่วน Igor Fraga จากบราซิลก็ได้ทำเวลาเร็วเป็นอันดับที่ 2 ตำแหน่งหัวแถวของ รอบรองสุดท้ายกลุ่ม B ไปได้สำเร็จ

นักแข่งที่ได้ 4 อันดับแรกในแต่ละการแข่งขันจะได้เข้ารอบสุดท้าย ส่วนผู้ที่ได้อันดับที่ 5 ถึง 10 จะได้รับโอกาสอีกครั้งหนึ่งในรอบแก้ตัว หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเข้าเส้นชัยเป็น 4 อันดับแรก ก็จะผ่านเข้ารอบสุดท้ายไปโดยอัตโนมัติ ถ้าไม่ ก็อาจจะต้องเก็บกระเป๋าเพราะว่าอาจจะต้องกลับบ้าน

รอบรองสุดท้ายกลุ่ม A

สถานที่ที่ใช้จัดการแข่งขันรอบรองสุดท้ายของวันก็คือที่สนามแข่งรถนานาชาติ วิลโลว์ สปริงส์ หรือที่มีชื่อเล่นว่า บิ๊ก วิลโลว์ ในการแข่งขัน 17 รอบสนามด้วยรถซูเปอร์สปอร์ต Fittipaldi EF7 ผู้เข้าแข่งขันจะต้องใช้ยางแบบแข็งและยางแบบปานกลางทั้งคู่ เพราะฉะนั้นมีความสำคัญมากที่จะต้องวางแผนการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ

Mikail Hizal ที่อยู่ที่หัวขบวนวิ่งนำ Takuma Miyazono (ญี่ปุ่น) และ Cody Nikola Latkovski (ออสเตรเลีย) ผ่านโค้งแรกไปได้ ทั้ง 3 คนเริ่มการแข่งขันด้วยยางแบบปานกลาง ในขณะที่ Coque López (สเปน) และ Adam Suswillo (สหราชอาณาจักร) ที่อยู่ในอันดับที่ 4 และที่ 5 ตามลำดับเลือกที่จะใช้ยางแบบแข็ง และเก็บยางแบบปานกลางที่สามารถทำความเร็วได้ดีกว่าเอาไว้ในช่วงท้ายการแข่งขัน แต่ถึงแม้ว่าจะใช้ยางที่ทำความเร็วได้ต่ำกว่า Latkovski ก็แซง Miyazono ขึ้นไปได้อย่างรวดเร็วขึ้นมาอยู่ที่ 2

ในช่วงแรกของรอบสนามที่ 3 ที่รถแต่ละคันทำความเร็วได้เกิน 280 กม./ชม. (173 ไมล์/ชม.) ในช่วงทางตรงหน้าสนาม ก็มีการประชันกันอย่างดุเดือดระหว่าง López, Andrew Brooks (แคนาดา), Suswillo และ Manu Rodríguez จากสเปน ในช่วงผ่านเข้าโค้งที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 Brooks กับ Rodríguez ตีคู่กันขึ้นมา แตะตัวกันบ้างบางครั้ง Rodríguez สามารถได้แต้มต่อที่ดีกว่า Brooks และขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 จากนั้นก็ได้เพ่งสมาธิไปที่การไล่กวด López เพื่อนร่วมชาติที่ครองอันดับที่ 4 อยู่

ในรอบสนามที่ 9 Hizal ที่เป็นจ่าฝูงได้มุ่งหน้าเข้าพิท ซึ่งก็เหมือนเป็นสัญญาณให้ Miyazono ที่อยู่อันดับที่ 3 เข้าพิทมาเหมือนกัน หลังจากที่ทั้งคู่เปลี่ยนเป็นยางแบบแข็งแล้วนั้น ก็ไม่ได้ทำให้นักแข่งทั้งสองช้าลงแม้แต่น้อย รวมทั้งไม่ได้ส่งผลกระทบถึง Latkovski ที่เข้าพิทไปเรียบร้อยแล้วในรอบสนามก่อนหน้า ถัดลงมาที่ปลายสนาม Brooks และ Mark Pinnell นักแข่งชาวแคนาดา ก็กำลังต่อสู้กันเพื่อชิงอันดับที่ 10 ซึ่งเป็นจุดสำคัญมากเพราะว่านี่คืออันดับท้ายสุดที่จะได้ผ่านเข้าไปในรอบแก้ตัว

Hizal สามารถรักษาการนำของตัวเองไว้ได้อย่างไม่ลำบากด้วยเวลา 3 วินาทีกว่า และวิ่งเข้าเส้นชัยไปอย่างไม่มีปัญหา ตามมาด้วย Latkovski, Miyazono และ López ทุกคนผ่านเข้ารอบสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย

รอบรองสุดท้ายกลุ่ม B

Igor Fraga (บราซิล) แชมป์ Nations Cup ประจำปีที่แล้ว คือบุคคลที่จะต้องจับตามองในการแข่งขันรอบรองสุดท้ายที่แข่งกันใน 'สนามแข่งนานาชาติออโตโพลิส' ที่เป็นสนามแข่งระยะทางสั้น ส่วนคนที่ตามหลัง Fraga จ่าฝูงผู้ขับรถแรลลี Subaru WRX Gr.B ก็คือ Patrik Blazsán (ฮังการี) ในรถแรลลี Nissan GT-R และ Jonathan Wong (ฮ่องกง) ในรถแรลลี Mitsubishi Lancer Evolution Final

สิ่งที่แตกต่างจากการแข่งขันรอบแรกก็คือ ในครั้งนี้เกิดดราม่ากันทันทีเมื่อเริ่มแข่งขันเพราะว่ามีการปะทะกันเกิดขึ้นในช่วงกลางขบวนหลังจากที่ Fraga ได้ทิ้งห่างหนีออกไปแล้ว รถหลายคันปะทะกันในช่วงโค้งที่ 2 และที่ 3 ในขณะที่บางคันก็ได้เฉียดตกขอบทางวิ่งออกไป แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากความโกลาหลครั้งนี้ก็คือ Nicolás Rubilar (ชิลี) ที่สามารถฉีกตัวเองขึ้นมาจากที่ 5 พุ่งขึ้นไปอยู่อันดับที่ 2 และก็ไม่ทำให้เสียเปล่าหลังจากนั้นเพราะว่าได้ขับรถแรลลี Ford Focus ของตัวเองขึ้นไปจ่อกันชนท้ายของรถ Subaru ของ Fraga และหาจังหวะแซง ในขณะเดียวกันนั้นการต่อสู้กันอย่างดุเดือดก็กำลังดำเนินต่อไปทั่วทั้งสนาม เพราะว่ารถแรลลี Hyundai Genesis ที่ขับโดย Benjámin Báder (ฮังการี) ที่อยู่ที่อันดับที่ 5 ได้จัดหนักจัดเต็มใส่ Rick Kevelham (เนเธอร์แลนด์) ในรถแรลลี Ford Mustang

ในรอบสนามที่ 10 เราได้เห็นหัวแถว 2 คนซึ่งก็คือ Fraga และ Rubilar เข้าพิทไปสลับยางแบบปานกลางเป็นยางแบบแข็ง ทำให้ Báder สามารถขึ้นนำได้เป็นการชั่วคราว และก็นำอยู่ได้ไม่นานเพราะว่าเขาก็ต้องเข้าพิทในรอบสนามถัดไป Fraga กลับขึ้นมานำได้อีกครั้งโดยมีทั้ง Rubilar และรถแรลลี Toyota 86 ของ Rayan Derrouiche (ฝรั่งเศส) จี้ตามมาติด ๆ นักแข่งชาวฝรั่งเศสได้ทุ่มเทขับขึ้นมาจากอันดับที่ 11 ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 แต่ว่าเขายังไม่ยอมแพ้เพียงแค่นี้ Derrouiche จัดหนักตาม Rubilar ไป ทั้งคู่เข้าโค้งแฮร์พินที่ 5 และที่ 6 กว้างเกินไป และก็ได้แตะตัวกันอยู่ 2-3 ครั้งแต่ Rubilar ก็ยังกันตำแหน่งเอาไว้ได้

ในอีกไม่กี่รอบสนามถัดมาเราก็ได้เห็นการต่อสู้กันอย่างงดงามระหว่างนักแข่งที่อยู่ในอันดับที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ซึ่งก็คือ Blazsán, Ryota Kokubun (ญี่ปุ่น) ในรถแรลลี Peugeot RCZ และ Wong ซึ่งในความเป็นจริงแต่ละคนก็เกือบชนกันเองอยู่หลายครั้ง กั้นทางไม่ให้ยอมรับขึ้นมาได้แม้แต่นิ้วเดียว...แต่ก็คงไม่มีใครสามารถไปว่ากล่าวได้ที่ดื้อดึงกันขนาดนี้ เพราะว่ามีเดิมพันเป็นการเข้ารอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติรออยู่ข้างหน้า ในรอบสนามที่ 16 Kokubun ก็ฉีกตัวหนีขึ้นไปจาก Wong กับ Blazsánได้ แต่ว่า Anthony Felix ที่ขับรถแรลลี Toyota 86 ก็เริ่มมาโผล่ให้เห็นตัวผ่านทางกระจกมองหลัง แต่ในที่สุดแล้ว กลุ่มหัวแถวก็ทุ่มเทการขับอย่างเต็มที่จนกระทั่งจบการแข่งขัน โดยมี Fraga เข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 และ Rubilar ก็สามารถยัน Derrouiche ที่ทุ่มเทเข้ามาอย่างเต็มที่เอาไว้ได้

รอบแก้ตัว

นักแข่งที่ไม่ได้เข้าเส้นชัยเป็น 4 อันดับแรกในการแข่งขันรอบที่ผ่านมา แต่ว่าสามารถเข้าเส้นชัยอยู่ในกลุ่ม 10 อันดับแรกได้นั้น (คือตั้งแต่อันดับที่ 5 ถึงอันดับที่ 10) จะได้โอกาสแข่งขันเพื่อเข้ารอบสุดท้ายอีกครั้งในรอบแก้ตัว โดยนักแข่งที่ได้ 4 อันดับแรกจะได้ผ่านเข้าไปสู่รอบสุดท้าย ส่วนคนอื่นนั้นก็ "ซาโยนาระ นะ นิวยอร์ก" ผู้เข้าแข่งขันจะต้องลงสนามด้วยรถแข่ง Toyota SF19 Super Formula ในการแข่ง 15 รอบสนามที่ต้องเหยียบคันเร่งจนมิดกันที่ 'บลูมูนเบย์ สปีดเวย์' สนามแข่งรูปวงรีที่มี 3 โค้ง

การวางตำแหน่งในสนามแข่งที่มีความเร็วสูงนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะว่าผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องการที่จะอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบบนสนาม รวมทั้งจะต้องวางแนวการขับให้ดีเพื่อใช้งานสลิปสตรีมให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ มีการสลับกันขึ้นนำอยู่หลายต่อหลายครั้ง เป็นการแข่งขันประเภทล้อขนาบล้อที่เราได้เห็นรถ 3 ถึง 4 คันตีแถวหน้ากระดานขึ้นมาในช่วงหลังตรง

และเมื่อธงตาหมากรุกได้โบกสะบัด Manu Rodríguez จากสเปนก็เลยเข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 แต่นำเพียงแค่ 0.05 วินาทีเท่านั้น และในข้อเท็จจริงแล้ว ผู้ที่เข้าเส้นชัย 4 อันดับแรก ก็มีเวลาห่างกันเพียงแค่เกินกว่า 1 วินาทีไปเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดของวัน

รอบสุดท้าย

มีความน่าฉงนบนความตื่นเต้นเกิดขึ้นในการแข่งขันรอบสุดท้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่าง 2 ตัวเก็ง Igor Fraga ที่เป็นแชมป์ Nations Cup ปีที่แล้วกับ Mikail Hizal ที่ดูจะเอาชนะได้ยากหลังจากเขาได้แสดงฝีมือออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ การแข่งขัน 20 รอบสนามในครั้งนี้ก็คงจะเป็นที่อื่นไปไม่ได้นอกจากที่สนามสปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์ ที่เป็นหนึ่งในสนามแข่งขันที่เปรียบเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในประวัติศาสตร์ ทำให้เป็นสนามที่ควรค่าอย่างยิ่งในการเปิดตัว FIA Gran Turismo Championships การวางแผนกลยุทธ์เชื้อเพลิงและการใช้ยางจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดในการแข่งขันครั้งนี้ เพราะว่ามีการกำหนดให้ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะต้องนำรถแข่ง Red Bull X2019 Competition ของตนเองเข้าพิทอย่างน้อย 2 ครั้ง

Mikail Hizal ออกนำอยู่ที่หัวแถว แล้วสามารถขับฝ่าโค้งไม่กี่โค้งในช่วงแรกของการแข่งขันไปได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ในทางกลับกัน Nicolás Rubilar ก็ได้ออกตัวอย่างเลวร้าย เพราะว่าหลุดออกจากโค้งแรกไป ทำให้ตกลงมาอยู่กลุ่มรั้งท้ายสนาม ในช่วงทางตรงด้านหลังในรอบสนามที่ 1 Igor Fraga ที่ใช้ยางแบบอ่อน ก็สามารถแซง Hizal ขึ้นไปได้จากวงนอกทำให้ขึ้นมาเป็นผู้นำในช่วงต้นเกม ใกล้ถึงกระนั้นก็ยังเห็นได้ว่านักแข่งชาวบราซิลต้องการที่จะกลับไปอยู่หัวแถวอีกรอบ และเร่งตามขึ้นมาด้วยยางแบบอ่อนของเขาเมื่อการแข่งขันได้ดำเนินไป ในรอบสนามที่ 2 Takuma Miyazono ที่เร่งเครื่องอยู่ในอันดับที่ 3 อย่างไม่มีปัญหา ก็ได้ทำให้ทุกคนประหลาดใจเมื่อได้ตัดสินใจเข้าพิทโดยที่ไม่มีใครทราบเหตุผล เขาได้กล่าวว่าเขาจำเป็นจะต้องเปลี่ยนจากยางแบบแข็งไปใช้ยางแบบอ่อนเพื่อจะได้สามารถไล่ตามกลุ่มผู้นำได้ แต่หลังจากที่ได้เข้าพิทแล้ว เขาก็ตกลงมาอยู่อันดับที่ 11

ในขณะเดียวกันนะ Fraga ก็ได้เพิ่มระยะห่างระหว่างตัวเองกับ Hizal ที่อยู่ที่ 2 และในรอบสนามที่ 7 ก็สามารถทิ้งห่างไปได้ถึง 14 วินาที และในรอบสนามถัดมา Hizal ก็เข้าพิท เปลี่ยนไปใช้ยางแบบแข็ง และกลับเข้ามาสู่สนามอยู่ในอันดับที่ 3 โดย Coque López จากสเปนสามารถพุ่งขึ้นมารั้งอันดับที่ 2 ไปได้ ในรอบสนามที่ 9 Fraga ก็มุดเข้าพิทอีกครั้งโดยมีระยะเวลาทิ้งห่างผู้ที่ตามมาอยู่ถึง 18 วินาที เพื่อเปลี่ยนจากยางแบบอ่อนเป็นยางแบบแข็ง พร้อมทั้งเติมน้ำมัน ในขณะนี้ก็เกิดคำถามขึ้นในใจทุกคนว่า เขาจะสามารถยันนักแข่งคนอื่นเอาไว้ได้หรือไม่ เพราะเกือบทุกคนใช้ยางแบบอ่อนหรือยางในยางปานกลาง ซึ่งในช่วงขณะเวลานี้ Miyazono ได้สามารถทุ่มเทการขับจนขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 ได้ตอนที่ Hizal เข้าพิทไปในรอบสนามที่ 10 เพื่อเติมน้ำมันและเปลี่ยนยางเป็นยางแบบอ่อน และได้กลับลงสนามมาอยู่ในอันดับที่ 5 พร้อมกับจับตามองไปที่การพุ่งขึ้นไปให้ถึง Fraga อีกครั้ง

ในรอบสนามที่ 11 ทางด้าน Fraga ได้ทำระยะห่างทิ้งเพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาลถึง 17 วินาที และเป็นการส่งสัญญาณให้เขาเข้าพิทเพื่อไปเติมน้ำมันและเปลี่ยนเป็นยางแบบปานกลาง โดยกลับลงมาในสนามแข่งอยู่ในอันดับที่ 3 ปล่อยให้ Miyazono ขึ้นนำไปได้ แต่ว่า Miyazono ก็ไม่สามารถรั้งตำแหน่งหัวแถวเอาไว้ได้นานนักเพราะว่าได้เข้าพิทไปเติมน้ำมัน ทำให้หล่นลงมาอยู่อันดับที่ 8 และสถานการณ์ก็เลวร้ายลงเรื่อย ๆ สำหรับนักแข่งชาวญี่ปุ่นคนนี้ เพราะ Cody Latkovski ไถลและไปตัดหน้ารถของ Miyazono ในช่วงทางตรงด้านหลัง ทำให้ Miyazono หมุน และตกไปอยู่ที่ปลายขบวน ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ Latkovski โดนทำโทษอย่างหนักปรับเวลาไป 10 วินาที ในเวลาเดียวกัน López ก็สามารถยึดตำแหน่งผู้นำโดยรวมไปได้โดย Fraga กับ Hizal ไล่หลังมาติด ๆ แต่ว่า López ยังจำเป็นที่จะต้องเข้าพิทอยู่ เพราะฉะนั้นการดวลเพื่อชิง Championship มาครองก็คือการวัดฝีมือกันระหว่าง Fraga ที่ 2 กับ Hizal ที่ 3 ในรอบสนามที่ 16 Fraga ได้เปิดช่องให้ Hizal แต่ก็เพียงเพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากสลิปสตรีมของนักแข่งชาวเยอรมันคนนี้ และภายในอีกไม่ถึงรอบสนามถัดมา Fraga ก็แซงกลับขึ้นมาอย่างสวยงามอีกครั้งจากทางด้านนอก

ในรอบสนามที่ 19 López ก็เข้าพิท ทำให้เหลือแค่ Fraga กับ Hizal เข้าห้ำหั่นกันเพื่อเป็นผู้ชนะ Hizal ที่ใช้ยางแบบอ่อน จ้องมองหาโอกาสเพื่อแซง Fraga ที่ใช้ยางแบบปานกลางที่ทำความเร็วได้ช้ากว่า แต่ทว่า Fraga ก็สามารถกันทาง Hizal ได้สำเร็จทุกครั้ง และจากนั้นช่วงเวลาที่มีปัญหาที่สุดในการแข่งขันช่วงสุดสัปดาห์นี้ก็เกิดขึ้น เพราะรถของ Fraga ดูเหมือนจะวิ่งช้าลงเล็กน้อยในทางตรง ทำให้ Hizal ต้องทิ้งระยะถอยออกมา Hizal แสดงออกมาให้เห็นหรือว่าไม่พอใจการกระทำแบบนี้ และจากนั้นก็เหมือนถูกบังคับให้ลดความเร็วของตัวเองลงเพื่อรักษาน้ำมันที่เหลืออยู่อย่างน้อยนิด ทำให้จำใจต้องมอบ Championship ให้แก่ Fraga ทั้ง ๆ ที่ Fraga ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายของ Nations Cup ที่กรุงโมนาโคในเดือนกันยายนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วจากชัยชนะในสนามเนือร์บูร์กริงในการแข่ง World Tour รอบที่ 2 ของปี และ 5 วินาทีหลังจากที่ Fraga ชาวบราซิลเข้าเส้นชัยเป็นไปที่เรียบร้อยแล้ว Hizal จากเยอรมนีเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 2 ตามมาด้วย López จากสเปนเข้าเป็นอันดับที่ 3 หลังจากแข่งขันเสร็จ Fraga ได้ถูกประเมินว่าต้องถูกลงปรับเวลา 5 วินาที เพราะจงใจยกเท้าออกจากคันเร่ง แต่ว่าเขาก็มีช่วงระยะเวลาทิ้งห่างที่มากพอที่จะคงชัยชนะของตนเองเอาไว้ได้

ความคิดเห็นจาก Igor Fraga

“ผมมีอาการตัวสั่นเล็กน้อยเพราะว่ามันเป็นการแข่งขันที่เข้มข้นมากครับ ผมเลือกที่จะออกตัวด้วยยางแบบอ่อนเพราะว่ารถแข่ง Red Bull X2019 สร้างมวลอากาศที่ไม่ดีอยู่พอสมควร ทำให้ผมอยากจะไปรับมวลอากาศที่ดีที่อยู่ด้านหน้าและทิ้งระยะห่างให้มากที่สุด ผมอยากจะนำให้ห่างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะว่าบนอากาศที่ไม่ดีจะทำให้เป็นการยากที่จะสามารถเร่งแซงขึ้นหน้าได้น่ะครับผม ซึ่งผมก็คิดว่ามันได้ผลดีเลยนะ”

ความคิดเห็นจาก Mikail Hizal

“เกี่ยวกับสิ่งที่ Igor ทำตอนจบน่ะเหรอครับ ในสถานการณ์แบบนั้นจะให้ผมทำยังไงล่ะ? หลังจากที่ได้ดูรีเพลย์แล้ว ผมคิดว่าเขาจงใจถอนคันเร่งครับ ทำให้ผมต้องเบรกเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย ผมอยากจะแข่งอย่างใสสะอาดและปลอดภัยครับ... และเนื่องจากว่าผมพยายามที่จะแซงเขาตลอด ผมจึงจำเป็นจะต้องเก็บน้ำมันเอาไว้หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้น ผมก็เลยต้องชะลอรถลงมา พูดไม่ออกเลยครับ”

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง