Please select your country / region

ซาลซ์บูร์ก ประเทศออสเตรีย (14 กันยายน 2019) – หลังจากออกตัวได้อย่างสวยงามใน 'World Tour 2019 - Red Bull Hangar-7' ในวันที่ผ่านมาของ Manufacturer Series เรื่องราวก็มาสรุปกันในวันนี้ด้วย Nations Cup ที่ 24 สุดยอดผู้เล่นของโลกจะลงมาแข่งขันเพื่อที่นั่งใน World Finals ที่ โมนาโก ในวันที่ 23-24 พฤศจิกายน Red Bull Hangar-7 ที่มีภาพหลังอันสวยงามของเครื่องบินและรถ Formula 1 นักแข่งได้มาเตรียมตัวกันอย่างรวดเร็ว ลงแข่งขันกันในรอบคัดเลือกทั่วไป ตามด้วยรอบคัดเลือก 6 อันดับแรก รอบรองสุดท้ายอีก 2 ครั้ง รอบแก้ตัวอีก 1 ครั้ง และรอบชิงชนะเลิศของ Nations Cup เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน Mikail Hizal จากเยอรมนีเป็นผู้ยืนอยู่บนยอดโพเดียม ผู้ที่ในที่สุดได้รับชัยชนะที่ไขว่คว้าหามาทั้งฤดูกาล

รอบรองสุดท้ายกลุ่ม A

ตามธรรมเนียมแล้ว ลำดับการออกตัวของรอบรอบสุดท้ายจะพิจารณาจากเวลาที่ดีที่สุดที่ทำได้ในรอบคัดเลือกและในรอบคัดเลือก 6 อันดับแรก ซึ่งเป็นการลงจับเวลากันที่สนามแข่งออโต้โดรโม่ นาเซียวนาเล่ มอนซ่า รอบสนามที่เร็วที่สุดของวันเป็นของ Takuma Miyazono (ญี่ปุ่น) ผู้ได้ตำแหน่งออกตัวไปอันดับแรกในรอบรองสุดท้ายกลุ่ม B ตามมาด้วย Mikail Hizal (เยอรมนี) ที่ได้ตำแหน่งออกตัวลำดับแรกในรอบรองสุดท้ายกลุ่ม A

รอบรองสุดท้ายกลุ่ม A การแข่งขันกันทั้งหมด 12 รอบสนามแข่งรอบเซอร์กิต เดอ บาร์เซโลนา-กาตาลุญญาด้วยรถ Bugatti Gran Turismo Gr.1 ที่บังคับให้นักแข่งทุกคนใช้ยาง Michelin ทั้งยางแบบอ่อนและแบบปานกลาง จึงทำให้ต้องเข้าพิทอย่างน้อย 1 ครั้ง เข้าเส้นชัยเป็น 4 อันดับแรกจะผ่านเข้าไปยังรอบสุดท้ายเมื่อสิ้นสุดวัน โดยผู้ที่ได้อันดับที่ 5-10 จะมีโอกาสแก้ตัวเป็นครั้งที่ 2 ในรอบแก้ตัว ส่วนผู้ที่ได้ 2 อันดับสุดท้าย ก็คงต้องกล่าวว่า "auf weidersehn"

เริ่มตั้งแต่ออกตัว Cody Nikola Latkovski จากออสเตรเลีย ที่ออกตัวอยู่ในลำดับที่ 2 ก็รุกเข้าหา Hizal พยายามที่จะแซงให้ได้ในโค้งแรก ซึ่งก็สามารถแซงได้ แต่ Hizal ผู้ที่ลงแข่งพร้อมกับนิ้วเท้าที่หัก ก็สามารถตั้งสติแล้วคุมเข้าเส้นวิ่งของตนเองไว้ได้ ยึดอันดับหัวแถวกลับมา หลังจากนั้นไม่นาน ถึงคราวของ Latkovski ที่จะต้องสัมผัสกับแรงกดดัน เพราะ Adriano Carrazza จากบราซิล ได้พุ่งเข้ามาประชิดในโค้งที่ 12 แย่งลำดับที่ 2 ไปได้ อย่างไรก็ตาม กรรมการคุมการแข่งขันได้ตัดสินว่า Carrazza จงใจชน Latkovski และทำโทษนักแข่งชาวบราซิลเป็นเวลา 1 วินาที ทำให้ต้องคืนตำแหน่งไป อีก 5 รอบสนามถัดมาก็แทบจะไม่มีดราม่า เพราะว่าลำดับไม่มีการเปลี่ยนแปลง 4 ลำดับแรกก็ยังเป็น Hizal, Latkovski, Carrazza และ Baptiste Beauvois (ฝรั่งเศส) ทุกคนใช้ยางแบบอ่อน

เมื่อถึงรอบสนามที่ 5 นักแข่งที่เริ่มการแข่งขันด้วยยางแบบปานกลางก็เข้าพิท เปลี่ยนเป็นยางแบบอ่อน ซึ่งก็รวมถึง Jonathan Wong กับ Kin Long Li จากฮ่องกง Ryota Kokubun จากญี่ปุ่น และ Nicolás Rubilar กับ Fabian Portilla จากชิลี แต่ว่ามันก็ถือว่าช้าเกินไป เพราะ Hizal นำหน้าคนอื่นไปแล้วอยู่ที่ 5 วินาทีในขณะนี้

Wong ผู้ที่ออกตัวอยู่ในลำดับที่ 6 ได้ขับอย่างสวยงามเพื่อแทรกเข้าไปอยู่ที่ลำดับที่ 4 แทน Beauvois ให้ได้ และเริ่มสร้างแรงกดดันให้กับ Carrazza ผู้อยู่ลำดับที่ 3 ที่ใช้ยางแบบปานกลาง แต่นักแข่งชาวบราซิลก็มุ่งมั่นที่จะไม่ยอมให้ Wong แซงขึ้นหน้าไปได้ และ Latkovski ก็เข้าพิทในรอบสนามที่ 7 หลังจากรีดเอาประสิทธิภาพทั้งหมดออกมาจากยาง Michelin แบบอ่อนเท่าที่จะทำได้แล้ว สุดท้ายก็ไม่สามารถแย่งการนำไปจาก Hizal ได้ และ Hizal ก็เคลื่อนตัวผ่านธงหมากรุกไปอย่างสบายๆ Hizal เข้าเส้นชัยไปพร้อมกับมีเวลานำหน้า Latkovski เกินกว่า 5 วินาที และ Carrazza กับ Wong ผู้เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 3 และ 4 ก็เป็นการปิดฉาก 4 อันดับแรก และทั้งหมดก็ผ่านเข้ารอบไฟนอลไปโดยอัตโนมัติ

รอบรองสุดท้ายกลุ่ม B

Mikail Hizal ที่มีโอกาสสูงที่สุด ได้เข้าไปอยู่ที่แถวหน้าของรอบสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในวันนี้ก็เหลือแต่ Takuma Miyazono ผู้ผ่านเข้ารอบลำดับที่หนึ่ง แสดงฝีมือให้ดูกันในการแข่งขันรอบรองสุดท้ายรอบที่ 2 ที่เป็นการแข่งขันทั้งหมด 9 รอบสนามด้วยรถ Pagani Zonda R ในสนามโตเกียวเอ็กซ์เพรสเวย์ - อีสต์ (วงนอก) สนามแข่งบ้านเกิดของตัวเอง การแข่งขันตัดสินใจที่จะทำให้การแข่งขันตื่นเต้นขึ้นเป็นพิเศษด้วยการ บังคับให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนลงแข่งในสภาพอากาศที่ถนนเปียกหนักมาก

เราได้เห็นแอ็กชันกันอย่างมากมายตั้งแต่เริ่มออกตัว เพราะ Miyazono, Derrouiche, และ Suswillo ออกตัวกันอย่างบ้าคลั่งไปหาโค้งแรก จนถึงว่าในจุดหนึ่งขึ้นตีคู่กันมาพร้อมกัน 3 คัน Derrouiche มีโอกาสที่ดีกว่า แซงขึ้นนำ Miyazono ไปได้ แต่ว่านักแข่งชาวญี่ปุ่นก็สามารถยึดตำแหน่งกลับคืนมาได้ที่โค้ง 3 ซึ่งแน่นอนว่าทำให้เกิดการประชันกันแบบล้อเทียบล้อกันอย่างหนักหน่วง และมีรถหลายคันไหลไปชนกำแพง ทำให้ประกายไฟกระเด็นลอยขึ้นมาในอากาศ แต่หลังจากผ่านรอบสนามแรกที่มีเหตุการณ์เต็มไปหมด ลำดับของผู้เล่นก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ก็คือ Miyazono, Derrouiche, Suswillo และตามมาด้วย Andrew Brooks (แคนาดา)

เมื่อเริ่มรอบสนามที่ 2 Miyazono ก็สร้างความผิดพลาดไม่สมกับเป็นตัวเอง การตีเข้าวงนอกในโค้งที่ 1 ซึ่งส่งผลทำให้หล่นมาอยู่ในลำดับที่ 3 เพราะ Derrouiche กับ Suswillo ได้แซงผ่านขึ้นหน้าไปได้ หลังจากนั้นในรอบสนามถัดมา Suswillo ก็ยึดตำแหน่งหัวแถวจาก Derrouiche ไปได้ ส่วนทาง Miyazono ก็แซงนักแข่งชาวฝรั่งเศสขึ้นไปได้ หมายตาไปที่การยึดตำแหน่งหัวแถวคืนมาจาก Suswillo ส่วนในจุดอื่นของสนาม Salvatore Maraglino จากอิตาลี ก็ได้ค่อยๆ เร่งเครื่องอย่างเงียบเชียบขึ้นมาจากที่ 8 มาอยู่ที่ 5 ขอเพียงอีกแค่ลำดับเดียวเท่านั้นก็จะผ่านเข้ารอบสุดท้ายไปได้โดยอัตโนมัติทันที

ในรอบสนามที่ 4 Miyazono ใช้ประโยชน์จากกระแสลมของ Suswillo ในช่วงทางตรงด้านหน้า ยึดตำแหน่งหัวแถวกลับคืนมาได้ โดยมี Derrouiche และ Brooks ตามมาในลำดับที่ 3 และที่ 4 ที่ทั้งคู่ครองเอาไว้ได้ หลังจากนั้นอีก 2 รอบสนาม Suswillo โดนใช้ประโยชน์จากกระแสลมอีกครั้ง เพราะว่า Derrouiche ใช้สลิปสตรีมและแซงขึ้นหน้าในช่วงทางตรง ยึดลำดับที่ 2 มาเป็นของตัวเอง

ในขณะที่ Miyazono กำลังมุ่งหน้านำทางคนอื่นออกไป ขยายช่วงเวลาการนำเกินกว่า 2 วินาทีได้ภายในเพียงแค่ 2 รอบสนาม ก็มีการต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงของลำดับที่ 2 ไปถึงลำดับที่ 6 เกิดขึ้น ระหว่าง Suswillo, Derrouiche, Brooks, Maraglino และ Coque López (สเปน) เมื่อมาถึงรอบสนามที่ 7 Derrouiche ได้ทำสิ่งผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเพราะวิ่งเข้าโค้งแรกกว้างเกินไป ทำให้ Brooks สามารถแอบแทรกตัวหนีผ่านนักแข่งชาวฝรั่งเศสคนนี้ขึ้นไปได้ และ Derrouiche มีจังหวะการขับขี่รวนไปหมดแล้ว ก็ยังเข้าโค้งถัดไปกว้างไปอีก ปล่อยให้ Suswillo แซงผ่านขึ้นไปได้ เท่านั้นยังไม่พอ ในรอบสนามถัดมาก็ยังเสียตำแหน่งไปให้ López อีก ทำให้พลาดลำดับที่ 4 ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดไปอย่างน่าเสียดาย

ในตอนท้ายของการแข่งขัน Miyazono ก็ได้เข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 ตามมาด้วย Brooks, Suswillo และ López เท่ากับว่าทั้ง 4 คนได้รับตั๋วเข้ารอบสุดท้ายไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนทาง Derrouiche ก็ต้องไปแข่งกันอีกครั้งในรอบถัดไป ที่เป็นโอกาสสุดท้ายในการแก้ความผิดพลาดของตัวเองในรอบแก้ตัว

รอบแก้ตัว

ถึงแม้เราเกือบจะรับประกันได้เลยว่าการแข่งขันในรอบแก้ตัวนั้นจะเละเทะไปหมดก็ตาม แต่กลายเป็นว่าการแข่งขันอันงดงามในครั้งนี้ ที่เป็นการแข่งขัน 10 รอบสนามขับรอบสนามซาร์ดิเนีย-กังหันลมแบบออฟโร้ด กลับกลายเป็นการแข่งขันที่ปราศจากดราม่า ผู้ที่ออกตัวอยู่ใน 4 ลำดับแรก ก็เข้าเส้นชัยอย่างไม่เปลี่ยนแปลงลำดับเลยในการแข่งขัน โดยมี Baptiste Beauvois จากฝรั่งเศส ผู้ที่ออกตัวเป็นลำดับแรกและเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 1 ขับรถแรลลี่ Subaru WRX ขับไถลไปมาได้อย่างสวยงามในสนามแข่งดินลื่นในสภาพฟ้ามืด และ Rayan Derrouiche เพื่อนร่วมชาติ ก็แสดงฝีมือได้อย่างงดงามเช่นกัน สามารถรักษา Mitsubishi Lancer Evolution Final ให้ปราศจากปัญหา ทำให้เป็นชัยชนะ 1-2 ของฝรั่งเศส ส่วน Kin Long Li จากฮ่องกงที่ขับรถแรลลี่ Nissan GT-R กับ Salvatore Maraglino จากอิตาลี ที่ขับรถแรลลี่ Honda NSX ก็สามารถคุมการขับขี่ได้อย่างมั่นคง เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 3 และ 4 โดยทิ้งห่างที่เหลือเกินกว่า 10 วินาที ทำให้ทั้ง 4 คนผ่านเข้ารอบสุดท้ายไปได้

รอบสุดท้าย

หลังจากคำนวณผลคะแนนจากการแข่งขันรอบที่ผ่าน ๆ มาแล้ว Mikail Hizal (TRL_LIGHTNING) ก็ได้นั่งอยู่ที่หัวแถวในการแข่งขัน Nations Cup รอบสุดท้าย 20 รอบสนาม ที่ออโต้โดรโม่ นาเซียวนาเล่ มอนซ่า พร้อมกับมี Takuma Miyazono (Kerokkuma_ej20) มานั่งอยู่ข้าง ๆ นักแข่งจะต้องขับรถ Red Bull X2019 Competition และบังคับให้ใช้ยาง Michelin ทั้ง 3 แบบ (อ่อน ปานกลาง และแข็ง) ซึ่งหมายความว่าทุกคนจำเป็นจะต้องเข้าพิทอย่างน้อย 2 ครั้ง

ธงเขียวโบกสะบัดพร้อมกับกลุ่มหัวแถวทั้ง 3 คน Hizal, Miyazono และ Cody Nikola Latkovski พร้อมใจกันใช้ยางแบบอ่อน ในขณะที่ผู้แข่งขันท่านอื่นเกือบทุกคนเลือกที่จะใช้ยางแบบปานกลางหรือแบบแข็ง Miyazono พยายามจะเร่งแซง Hizal ขึ้นไปในโค้งแรก แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้ตัวเองหลุดสนามไปนิดหน่อย ทำให้นักแข่งชาวเยอรมันสามารถนำทิ้งห่างขึ้นไปได้เกินกว่า 1 วินาทีในช่วงครึ่งแรกของรอบสนามที่ 1

เมื่อเริ่มต้นรอบสนามที่ 2 รถที่ใช้ยางแบบแข็งเกือบทุกคันวิ่งเข้าพิท และเปลี่ยนเป็นยางแบบปานกลาง ซึ่งถือว่าได้ทำตามกฎที่จะต้องใช้ยางทั้ง 3 แบบอย่างน้อย 1 รอบสนามแล้ว และในขณะนี้ Coque López (Williams_Coque14) ผู้ที่ใช้ยางแบบปานกลางที่สามารถเกาะถนนมากกว่า ก็เริ่มก็เริ่มแสดงฝีมือออกมา ขึ้นประกบและแซงผ่าน Adriano Carrazza (UDI_Didico15) ไปได้ที่ทางตรงด้านหลังขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 5 ส่วนทาง Andrew Brooks (Turismo-Deafsun) ที่ตอนนี้ใช้ยางแบบปานกลางแล้ว ก็แซง Salvatore Maraglino (JIM_Pirata666_) ได้อย่างสวยงามหลังจากที่รุดขึ้นหน้ามาในสนามจากลำดับที่ 12

เมื่อถึงรอบสนามที่ 8 Latkovski ผู้ที่อยู่ที่ 3 ก็ได้เข้าพิท เปลี่ยนยางแบบอ่อนที่สึกไปแล้วเป็นยางแบบแข็ง จากนั้นก็กลับลงมาสู่สนามโดยไม่เสียตำแหน่งของตนเองไป แต่อย่างไรก็ตามก็ยังต้องปล่อยให้ Adam Suswillo (Williams_Adam41) ที่ใช้ยาง Michelin แบบปานกลางที่ทำความเร็วได้มากกว่า ประชิดเข้ามาได้ และหลังจากนั้นในไม่อีกกี่รอบสนามถัดมา ก็ต้องยุ่งอยู่กับการยันนักแข่งสหราชอาณาจักรคนนี้เอาไว้ให้ได้

ส่วนที่หัวแถว Hizal กับ Miyazono ก็ได้เข้าพิทเป็นครั้งแรกในรอบสนามที่ 9 เปลี่ยนจากยางแบบอ่อนเป็นปานกลาง แต่ว่า Miyazono ก็วางแผนไม่เหมือนกับ Hizal เพราะ Miyazono ยอมไม่เติมน้ำมัน ทำให้ใช้เวลาในพิทได้น้อยกว่าและกลับสู่สนามนำหน้าขึ้นไปได้ เพราะฉะนั้นเมื่อแข่งกันไปได้ครึ่งทาง ก็เป็น Miyazono กับ Hizal ที่วิ่งกันเป็นที่ 1 ที่ 2 นำหน้า Latkovski ที่ 3 อยู่ถึง 9 วินาทีเต็ม ๆ

ในรอบสนามที่ 12 Latkovski ที่ยังคงอยู่ในลำดับที่ 3 ก็เลือกใช้แผนการเข้าพิทครั้งที่ 3 เปลี่ยนไปเป็นยางแบบอ่อนอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะกลับลงมาสู่สนามอยู่ในลำดับที่ 6 ก็ตาม ก็ได้ลำดับที่ 3 คืนมาในรอบสนามที่ 14 ที่ Brooks กับ Maraglino ได้เข้าพิท แต่โดยรวมแล้ว Miyazono กับ Hizal ที่อยู่หัวแถว ได้เพิ่มระยะเวลานำทั้งสนามขึ้นไปถึง 30 วินาที แต่ว่าทั้งคู่ก็ยังจะต้องวิ่งอยู่ในสนามต่อไปโดยใช้ยางแบบแข็ง

ในรอบสนาม 15 เกิดอุบัติเหตุขั้นร้ายแรงขึ้นเมื่อ Derrouiche กับ Wong สัมผัสตัวกันในขณะที่ต่อสู้เพื่อชิงลำดับที่ 5 ทำให้ Wong กระเด็นหลุดออกจากสนามไป รวมทั้งยังทำให้ Brooks สูญเสียการควบคุมรถ Red Bull X2019 หมุนติ้วหลุดออกจากการแข่งขันไป

ที่ช่วงของหัวแถว Miyazono ได้เข้าพิทเป็นครั้งสุดท้าย เปลี่ยนไปใช้ยางแบบแข็งและเติมน้ำมันที่ตอนนี้จำเป็นอย่างมากแล้ว Hizal ที่วิ่งกำลังอย่างต่อเนื่องสบาย ๆ ก็เลือกที่จะวิ่งต่อไปอีก 2 รอบสนาม เพิ่มระยะเวลาการนำให้ขับง่ายขึ้น อยู่ในระดับที่ไม่จำเป็นต้องยอมแพ้หลังจากที่เข้าพิทครั้งสุดท้ายในรอบสนามที่ 8 และหลังจากที่ออกจากพิทกลับมาลงสนาม ก็นำ Miyazono อยู่เกือบ 7 วินาที และก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นระยะเวลาที่มากเกินพอทำให้นักแข่งชาวเยอรมันผู้นี้คว้าชัยชนะครั้งแรกของรายการแข่งขันพร้อมกับตั๋วเข้าสู่รอบ World Finals ไปได้... และทั้งหมดเกิดขึ้นได้ทั้ง ๆ ที่นิ้วเท้ายังหักอยู่

ส่วนทาง Miyazono ที่แสดงฝีมือได้อย่างงดงามอีกครั้งหนึ่ง ก็ได้เดินขึ้นโพเดียมรับรางวัลในรายการแข่งขันเป็นครั้งแรก และก็ยังมีโอกาสที่จะผ่านเข้ารอบ World Finals ได้อยู่เช่นกัน เพราะการแข่งขันรอบสุดท้ายของรายการแข่งขันครั้งนี้ จะจัดกันขึ้นที่ญี่ปุ่นบ้านเกิดของตัวเอง และคนที่ตามมาอยู่ในระดับที่ 3 ก็คือ Latkovski ผู้เปรียบเสมือนขุมพลังที่ไม่ว่าใครก็ต้องยำเกรงทั้งใน Nations Cup และ Manufacturer Series

"หลังจากที่ได้ที่ 2 ไม่รู้กี่ครั้ง เราก็จำเป็นที่จะต้องทำผลงานให้ดีขึ้น และในที่สุดเมื่อผมได้ชนะในครั้งนี้ ก็รู้สึกพอใจครับ รวมทั้งรู้สึกสบายใจพร้อมกันด้วย นิ้วเท้าที่หัก ผมก็เจ็บปวดที่ผมเหยียบแป้นเหยียบ แต่ก็พยายามใช้แรงลงไปที่ส้นเท้าของเท้าของผม ก็พอทนได้ ในรอบสุดท้าย ผมพยายามจะประหยัดน้ำมันเพราะว่าในที่สุดก็จำเป็นจะต้องเติมน้ำมัน และแผนน้ำมันที่วางไว้ก็ได้ผลในตอนสุดท้ายครับ" Hizal หลังจากจบการแข่งขัน นักแข่งชาวเยอรมันก็ยังได้รับโบนัสเพิ่มขึ้นอีกเพราะว่าได้รับเลือกให้เป็น ‘Michelin Driver of the Day’ จากช่องโซเชียลต่าง ๆ ของ Gran Turismo